เข้าใจถูกต้องว่าเราอยู่คนเดียว


        ผู้ถาม การเกิดดับของจิตถือว่าเป็นเป็นความทุกข์ คำถามคือ ดับแล้วสุขมีไหม

        อ. แม้สภาพธรรมนั้นเกิดแล้วดับ ไม่มีอะไรเที่ยงเป็นทุกขลักษณะแต่ก็ไม่รู้ แล้วก็คิดว่าเดี๋ยวความสุขก็มาอีกก็จะเป็นอย่างนี้ไป แต่ความสุขก็แปรเปลี่ยนไปประการหนึ่ง และความทุกข์ซึ่งเป็นทุกขเวทนา หรือว่าโทมนัสเวทนาซึ่งเป็นทุกขทุกขะ ก็มีโอกาสที่จะเกิดได้อีก แม้อยู่ในสวรรค์ อยู่ในพรหมโลก หลังจากนั้นแล้วก็อาจจะได้เกิดในสุคติภูมิ แล้วก็มีโอกาสจะเกิดในอบายภูมิก็มี หรือเกิดในสุคติภูมิก็มีทุกข์กาย ทุกข์ใจได้ วนเวียนไป แต่โดยตรงของลักษณะสภาพธรรมแล้วคือทุกขลักษณะ ซึ่งเกิดแล้วต้องดับเป็นความทุกข์ เพราะทนตั้งอยู่อย่างนั้นไม่ได้เลย

        วิ. ถ้าในชีวิตประจำวัน แม้ขณะนี้ ฟังแล้วยังไม่เข้าใจ จะมีความไม่รู้ด้วยไหม

        สุ. ต้องทราบว่าขณะนั้นเป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิต ถ้าเป็นอกุศลจิตก็ต้องเกิดร่วมกับอวิชชา (ความไม่รู้) จึงเป็นอกุศล

        วิ. แต่ถ้าโดยปกติแล้วแม้เป็นกุศลจิตเกิด ไม่มีอวิชชา แต่ว่าถ้าไม่มีปัญญาก็หมายถึงว่าไม่มีการที่จะละคลายอวิชชา

        สุ. แต่ว่าขณะนั้นไม่มีโมหเจตสิกเกิดร่วมด้วย

        วิ. ในขั้นของการที่จะค่อยๆ ละคลาย อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแค่ความรู้ความเข้าใจขึ้นบ้าง จะเป็นการค่อยๆ ละความไม่รู้ด้วยไหม

        สุ. ก็ขอเล่าถึงการสนทนาเมื่อวานนี้ ก็ได้สนทนากับท่านผู้หนึ่งท่านก็บอกว่าท่านท้อถอย ซึ่งจริงๆ แล้วการฟังธรรมเพื่ออะไร เพื่อท้อถอยหรือว่าเพื่ออะไร ที่เราฟังธรรม ต้องทราบว่าเพราะเรามีความตรงต่อตัวเองว่าเราไม่รู้พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ เราอาจจะรู้เรื่องอื่น เราเป็นคนเก่ง แล้วก็อ่านตำรับตำราอะไรได้มากมาย อาจจะมีปริญญาสัก ๕ มหาวิทยาลัย เป็นดุษฎีบัณฑิตก็ตามแต่ๆ ว่าเราต้องรู้ตามความเป็นจริงว่าเรารู้พระธรรมที่พระผู้ที่พระภาคทรงแสดงหรือไม่ ถ้าเป็นคนตรงก็ต้องยอมรับว่าถ้าไม่มีการฟัง และไม่มีการศึกษาเลย ใครจะรู้ เป็นไปไม่ได้เลย วิชาการใดๆ ก็ไม่สามารถจะเทียบกับวิชาหรือความรู้ที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงตรัสรู้ และทรงแสดง เพราะฉะนั้นแม้แต่การเริ่มต้นคือไม่ใช่เริ่มต้นด้วยความติดข้องในตัวเรา ที่อยากจะรู้ให้เยอะเท่าคนอื่นหรือว่าอยากจะจบเล่มนั้นเล่มนี้ หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ต้องเป็นผู้ตรงว่าเป็นผู้ไม่รู้ และกำลังฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยละเอียดยิ่งเพื่อความเข้าใจ แต่ความเข้าใจนี่ยาก เพราะว่าพระธรรมที่ทรงแสดงเป็นพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ ความยากของพระธรรมจะมากสักแค่ไหน ทุกคนที่ได้ศึกษาแล้วก็ยอมรับแล้วก็กล่าวตรงกันว่าไม่มีวิชาใดๆ เลยในโลกที่จะยากกว่าพระพุทธศาสนา แต่ถ้าเป็นคนที่คิดว่าหยิบหนังสือธรรมเล่มไหนขึ้นมาอ่านก็เข้าใจๆ โน่นนิด นี่หน่อย แล้วก็คิดว่ารู้ เป็นผู้รู้เพราะว่าอ่านแล้ว นั้นก็คือว่าไม่ถูกต้อง ต้องเข้าใจจริงๆ ว่าพระธรรมที่จะเข้าใจได้นี่ต้องศึกษาตามลำดับด้วยความค่อยๆ เข้าใจถูกขึ้น เพราะฉะนั้นจะไม่มีความท้อถอย เพราะว่าผู้ที่ท้อถอยก็จะบอกว่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่น รู้สึกว่าใครที่มาฟังนี่รู้เยอะทั้งนั้นเลย พูดอะไรคนนั้นก็เข้าใจ คนนี้ก็เข้าใจแต่ท่านผู้นั้นไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ แต่ต้องฟังเพื่อรู้ว่าไม่มีเรา ทั้งหมด ฟังเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นธรรม เพราะฉะนั้นตราบใดที่การฟังของเรายังไม่เข้าถึงความเป็นธรรมก็หมายความว่า เราจะต้องฟังต่อไป แล้วก็อบรมเจริญปัญญาต่อไปโดยที่ต้องเข้าใจถูกต้องตั้งแต่ต้นว่าเราอยู่คนเดียว จริงหรือเปล่า นี่คือไม่มีการต้องไปเปรียบเทียบว่าขณะนี้มีคนหลายคน แล้วคนนั้นก็เข้าใจกว่าเรา พูดอะไรคนนั้นก็เข้าใจ คนนี้ก็เข้าใจ นี่คือความคิดเรื่องคนอื่น แต่ถ้าตามความเป็นจริง จิต เป็นนามธาตุ ซึ่งน่าอัศจรรย์มากเพราะเหตุว่าไม่มีใครสามารถที่จะไปบังคับให้เกิด และเมื่อเกิดแล้ว ไม่ให้ดับ เมื่อดับแล้วไม่ให้มีการเกิดขึ้นสืบต่อเป็นไปไม่ได้เลย ทั้งหมดนี่คือเราเริ่มที่จะเข้าใจว่าเราคนเดียว เกิดคนเดียว อยู่ในโลกคนเดียวกับความคิด ไม่ว่าเราจะคิดว่าเรานั่งอยู่ที่นี่ นั่นคือคิด แต่สภาพของจิตเกิดขึ้นทีละ ๑ ขณะ แล้วก็รู้อารมณ์คือสิ่งที่จิตกำลังรู้ทีละ ๑ อย่างเท่านั้นเอง

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 178


    หมายเลข 10036
    28 ม.ค. 2567