นมัสการด้วยใจ


        ทุกท่านคงเคยได้นมัสการพระรัตนตรัยด้วยกาย และวาจากันบ้าง แต่ได้นมัสการด้วยใจบ้างไหม คือนมัสการด้วยใจที่เข้าใจพระธรรม มิฉะนั้นก็เป็นเพียงมีร่างกายเพื่อให้เป็นไปตามอกุศลที่มีอยู่อย่างมากมาย


        ต้องไม่ลืมค่ะว่า พุทธัง สรณัง ค้จฉามิ อริยสาวิตรี ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ มีใครเป็นที่พึ่ง มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง มีพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง คือ พระอริยสงฆ์ ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ จริง หรือเปล่า ผู้ตรง หรือเพียงกล่าว นมัสการด้วยกาย เมื่อกี้นี้ใช่ไหมคะ กราบไหว้อัญชลีบูชาด้วยกาย จบแล้ว ทำแล้ว หมดแล้ว ด้วยวาจาก็มีการเปล่งคำนมัสการขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วใจล่ะ เมื่อกี้นี้ด้วยกายแล้ว ด้วยวาจาแล้ว แล้วใจล่ะ นมัสการด้วยใจอย่างไร กำลังมีใจกันทุกคน แล้วใจเดี๋ยวนี้ นมัสการพระรัตนตรัยด้วยใจอย่างไร

        เห็นไหมคะ คำถามธรรมดา แต่ถ้าไม่เข้าใจแล้วจะปฏิบัติอะไร เพื่อรู้อะไร นี่คือมาร หรือเปล่า กั้นความเห็นถูก เป็นโทษอย่างยิ่ง แต่พระธรรมทุกคำลึกซึ้ง เป็นจริง เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และสามารถเข้าใจเมื่อสภาพธรรมะนั้นกำลังปรากฏให้รู้ให้เข้าใจ แต่ต้องอาศัยคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจากการที่ได้ทรงตรัสรู้ และทรงแสดง

        เพราะฉะนั้น เวลานี้นมัสการด้วยกาย ไม่สงสัย นมัสการด้วยวาจา ก็ไม่สงสัย แล้วด้วยใจ ใครจะตอบ ถ้าไม่ได้ศึกษาธรรมะ เดี๋ยวนี้เราไม่ได้ยกมือขึ้นมากราบไหว้เลย และไม่ได้เปล่งวาจานมัสการด้วย แต่ใจมี

        เพราะฉะนั้น ที่จะบูชาพระรัตนตรัยด้วยใจ คือ เป็นผู้ศึกษาพระธรรมเพื่อเข้าใจ เพราะทรงแสดงธรรมะเพื่อให้เข้าใจ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ใช่การกราบไหว้นับถือบูชาจริงๆ แต่ขณะไหนที่เข้าใจ ขณะนั้นเริ่มบูชาพระรัตนตรัยด้วยใจ

        เพราะฉะนั้น จะขาดการศึกษาไม่ได้เลย แต่ก็เห็นได้ถึงความละเอียดของธรรมะว่า ทุกคนก็มีใจ แต่ใจของทุกคนคิดละเอียด หรือเปล่า หรือคิดจะมาฟังธรรมะเท่านั้น แต่ความละเอียดต้องละเอียดจนกระทั่งต้องเข้าใจธรรมะที่ได้ฟัง ฟังเพื่อเข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่กำลังมีจริงๆ

        เพราะฉะนั้น ขณะใดก็ตามที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยการฟัง คือ ศึกษาให้เข้าใจพระธรรม นั่นคือบูชาด้วยการศึกษา แต่ว่า พระธรรมมีต่อไปเรื่อยๆ เพราะอะไรคะ เพราะชีวิตไม่ได้จบสิ้น ก้าวไปๆ เรื่อยๆ สิ่งใดก็ตามที่เกิดแล้วดับไป แล้วไม่กลับมาอีก แต่ขณะก่อนก็ปรุงแต่งให้สภาพธรรมะที่จะเกิดต่อไปเป็นไปตามตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันทุกชาติ

        เพราะฉะนั้น เราแต่ละคนที่นี่ก็ต่างกันทั้งรูปร่าง ทั้งความคิด ทุกสิ่งทุกอย่าง หรือแม้ความเข้าใจธรรมะ แต่ต้องไม่ลืมว่า ถ้าจะเข้าใจพระธรรมจริงๆ ต้องเป็นผู้ละเอียด เพราะว่าพระธรรมละเอียดอย่างยิ่ง เราฟังธรรมะมากี่ปีคะ ผลของการฟัง จะรู้ได้อย่างไร ไม่ต้องสอบ ไม่มีข้อสอบ ไม่มีประโยชน์ เพราะเหตุว่าเพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อเป็นเราได้ฟังมานาน เก่ง หรือเข้าใจข้อความนั้นข้อความนี้ในพระไตรปิฎก ไม่ใช่อย่างนั้นเลย แต่ฟังเพื่อรู้ความจริงว่า ตั้งแต่ฟังมาจนถึงเดี๋ยวนี้ วันนี้ ผลของการฟังสังขารขันธ์คืออะไร

        เพราะฉะนั้น ข้อความที่มีต่อไป ก็คือว่า ในชีวิตประจำวันเป็นเครื่องพิสูจน์ ประพฤติสิ่งที่สมควรที่เป็นประโยชน์ หรือเปล่า ยังไม่ต้องไปถึงนิพพาน จิตที่เต็มไปด้วยขยะเป็นบ่อเกิดของเชื้อโรค เดี๋ยวไข้ก็กำเริบ แล้วแต่ว่าจะกำเริบมาก กำเริบน้อย วาระไหน ก็เป็นเรื่องของเหตุปัจจัยทั้งสิ้น

        เพราะฉะนั้น ชีวิตประจำวันบ่ง และส่องถึงสภาพของจิต เคยได้ยินคำว่า “ร่างทรง” ใช่ไหมคะ หมายความว่ามีรูปร่างกาย แต่ถ้าไม่มีจิต ทำอะไรได้ไหม

        เพราะฉะนั้น จริงๆ ก็หมายความถึงจิตที่อยู่ที่กายนั่นแหละทำให้กายเคลื่อนไหวไปต่างๆ ถ้าไม่มีจิต ทำอะไรไม่ได้เลยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น เป็นร่างทรงของกุศลจิต หรืออกุศลจิต


    หมายเลข 10292
    18 ก.พ. 2567