เสรีชน


        เสรี คือเป็นอิสระ ดังนั้น ธรรมเสรี และบุคคลเสรีคืออย่างไร


        ท่านอาจารย์ เมื่อสิ่งที่กำลังปรากฏเกิดแล้วดับ การตรัสรู้คือสามารถรู้ความจริงในขณะนั้นซึ่งเป็นธรรมะแต่ละหนึ่ง แต่ละลักษณะซึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่กล่าวถึงปัญญาระดับนั้น แต่กล่าวถึงปัญญาของผู้ฟังธรรมะทั้งหลาย ต้องเป็นผู้ตรง และมั่นคงที่จะเข้าใจธรรมะยิ่งขึ้นว่า ไม่ใช่เรา เป็นธรรมะทั้งหมด จะบังอาจไปคิดไหมว่า แล้วเราจะทำอย่างนั้น แล้วเราจะทำอย่างนี้ที่จะให้รู้อย่างนั้น รู้อย่างนี้ เป็นไปไม่ได้เลย เพราะเข้าใจถูกต้อง

        ด้วยเหตุนี้ก็จะรู้ได้ว่า แม้ความคิดก็เกิดขึ้นเพราะการสะสม ถ้ายังคงมีเราอย่างแน่นหนามั่นคงมาก อดไม่ได้ที่จะคิดว่า แล้วเมื่อไรจะรู้ เมื่อไรจะเข้าใจธรรมะ แต่ถ้าเข้าใจมั่นคงขึ้นเป็นอิสระ เสรีชน และธรรมะนั้นก็เป็นเสรีด้วย ธรรมะนั้นเป็นเสรี บุคคลเสรีคือบุคคลที่มีธรรมะที่เสรี ไม่เป็นทาสของความต้องการ ไม่เป็นทาสของการยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นเรา

        เพราะฉะนั้น ก็จะมีความเป็นเสรี อิสระ พ้นจากความเป็นทาสของโลภะทีละเล็กทีละน้อย พ้นจากการเป็นทาสของความไม่รู้ และโลภะยิ่งขึ้นเมื่อไร ก็สามารถเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏทีละเล็กทีละน้อยเพิ่มขึ้น จนกระทั่งมีกำลังก็สามารถประจักษ์แจ้งความจริงของสภาพธรรมะตามลำดับขั้นของปัญญา กว่าจะถึงการรู้แจ้งอริยสัจธรรม ซึ่งเป็นการดับการยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นตัวตน เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ยากยิ่ง แต่ถ้าผิดจากนี้ คือมิจฉามรรค หรือมิจฉาปฏิปทา

        เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจความเข้าใจที่มั่นคง นี่แสดงว่า ถ้าเข้าใจอย่างนี้ก็ละแล้ว ไม่เดือดร้อนแล้ว จะรู้เมื่อไร ก็เป็นผู้ตรง ไม่ใช่ถามว่า แล้วนี่เป็นปัญญา หรือเปล่า แล้วทางนี้ใช่ไหม มีทางอื่นอีก หรือเปล่า นั่นคือไม่ได้เข้าใจแม้แต่คำว่า “ธรรมะ” ฟังดูเหมือนเข้าใจไปชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็กลับเป็นไม่เข้าใจ เวลาที่เข้าใจผิดเกิดขึ้นว่า จะมีทางไหน ทำอย่างไร หนทางทำอย่างไรนี่ไม่มีเลย เพราะคิดว่าจะทำอย่างไรนั้นคือโลภะ สิ่งที่เกิดจากโลภะก็เป็นโลภะ จะเป็นความเห็นถูกไม่ได้

        ผู้ฟัง การอบรมที่จะให้เป็นเสรีเพื่อไม่ให้เป็นทาส

        ท่านอาจารย์ หวั่นไหวไหมคะ กำลังหวั่นไหว หรือเปล่า มาเนียนมาก สนิทมาก ไม่รู้ตัวเลย เมื่อกี้คุณอรวรรณถามว่าอะไรคะ

        ผู้ฟัง ถามว่า จะไม่เป็นทาสของโลภะอย่างไร

        ท่านอาจารย์ แล้วจิตที่พูดนี้เป็นกุศล หรือเป็นอกุศล อยากไม่เป็นทาส

        ผู้ฟัง ไม่รู้ตัวเลย นึกว่าจะอบรม

        ท่านอาจารย์ ถูกต้องค่ะ ธรรมะที่เป็นอกุศลเกิด ไม่มีใครรู้ตัว อวิชชา โมหะอยู่ขณะนั้นจะรู้ตัวไม่ได้

        ผู้ฟัง เพราะในขณะที่โลภะเกิด อกุศลเกิดทุกครั้งจะต้องมีความไม่รู้เกิดด้วย

        ท่านอาจารย์ แน่นอนค่ะ

        ผู้ฟัง เมื่อความไม่รู้เกิดด้วยก็ต้องปิดบังความจริง

        ท่านอาจารย์ เป็นผู้ละเอียดๆ และจะสังเกตได้ในชีวิตประจำวัน ละเอียดที่กุสลจิตจะเกิดแทนอกุศล ก็เริ่มละเอียดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย

        อ.กุลวิไล เมื่อกี้ท่านอาจารย์กล่าวถึงธรรมะเสรี ในที่นี่หมายถึงความที่ธรรมะนั้นบังคับบัญชาไม่ได้

        ท่านอาจารย์ แล้วก็เป็นธรรมะที่ทำให้พ้นจากความเป็นทาสของโลภะด้วย

        อ.กุลวิไล อย่างนั้นก็ต้องเป็นธรรมะฝ่ายดีด้วยที่เป็นเสรี

        ท่านอาจารย์ โพธิปักขิยธรรม เมื่อไม่มีปัญญา อิสระไม่ได้


    หมายเลข 10297
    18 ก.พ. 2567