มีตัวหรือเปล่า


        ผู้ถาม ย้อนไปคำถามของอาจารย์ว่าที่ตัวมีอะไร และก็กล่าวตอบว่ามีเห็นกับมีสิ่งที่ปรากฏทางตา เมื่อไหร่ก็ตามที่เราคิดที่ว่ามีเห็น และก็มีสิ่งที่ปรากฏทางตา เมื่อนั้นก็จะคิดอย่างนี้ตลอด แล้วความที่เข้าใจว่าไม่ใช่เรา ไม่มีตัวตน ตรงนี้มาได้อย่างไร

        สุ. นี่คือการที่จะละความสงสัยเพราะว่าทุกคนมีตัวพอบอกว่าไม่มีตัว ก็สงสัยว่าเอ๊ะไม่มีตัวเป็นยังไง มีจริงๆ หรือเปล่า เพราะว่าเคยเข้าใจว่ามีตัวตลอด เหตุที่จะให้ละความสงสัยก็คือการต้องพิจารณาในขณะที่กำลังได้ยินเสียง มีตัวหรือเปล่า หรือมีตัวด้วยเลยกลายเป็นไม่หมดสักที ยังไงๆ ก็ยังมีตัวอยู่

        ผู้ถาม ได้ยิน มีสภาพที่ได้ยิน

        สุ. ขณะที่ได้ยิน นามธรรมไม่ใช่ตัวใช่ไหม เป็นนามธรรม

        ผู้ถาม แต่ก็ยังเป็นนามธรรมของเรา

        สุ. ถูกต้อง เพราะฉะนั้นต้องรู้ว่าที่เรายึดถือว่าเป็นเราทั้งหมดไม่ใช่แต่เฉพาะตัว กาย เวทนา จิต ธรรม ทั้งหมดด้วยความไม่รู้ นี่คือโมหะ และก็ยังมีความสงสัยซึ่งจะละไปได้ก็ต่อเมื่อฟัง พิจารณา เริ่มเข้าใจถูก และก็สะสมความเห็นถูกในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทีละเล็กทีละน้อยจนกว่าจะถึงความสมบูรณ์ แม้ในขั้นของการที่จะฟังเข้าใจว่าขณะเห็นมีตัวหรือเปล่

        ผู้ฟัง ตามปริยัติบอกว่าไม่มี

        สุ. ตามปริยัตินี่คือผู้ที่รู้แจ้งสภาพธรรมแล้วๆ เราฟังก็คือไม่ปฏิเสธ สิ่งที่มีต้องถูกแน่นอน แต่ความเป็นจริงคือปัญญาความเข้าใจของเราถูกตามปริยัติมากน้อยแค่ไหน

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 202


    หมายเลข 10650
    25 ม.ค. 2567