เพียงแค่รู้ว่าไม่ใช่เรา บางอย่างไม่ใช่วิสัยที่จะรู้ได้


        ผู้ถาม โกรธ คนส่วนใหญ่ชอบ แต่บางทีไม่ชอบก็มี ไม่โกรธเดี๋ยวเด็กจะดื้อ ต้องโกรธบ้าง ต้องทำเป็นโกรธ

        สุ. ความเห็นของใคร

        ผู้ถาม ของตัวเอง

        สุ. ถ้าเป็นของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นยังไง

        ผู้ถาม ก็เป็นสภาพธรรม เป็นโทสะ เป็นสิ่งที่ไม่ดี

        สุ. ควรละไหม

        ผู้ถาม ควรละ แล้วอย่างเข้าไปในสวนสนุก เล่นรถไฟตีลังกาแล้วชอบ ก็เป็นลักษณะของโทสเจตสิกซึ่งเป็นอารมณ์ของโลภะ

        สุ. ต้องเรียกชื่อหรือเปล่า ชอบดูหนังผีไหม

        ผู้ถาม ชอบ

        สุ. ชอบตื่นเต้นตกใจไหม

        ผู้ถาม ชอบ

        สุ. เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่าเราก็ไม่ได้ไม่ชอบโทสะ ชอบบางเรื่องของโทสะ เห็นผีจริงๆ กับดูหนังผี ต่างกันไหม ทั้งๆ ที่ว่าก็เป็นผี แต่ทำไมอันหนึ่งชอบดู อีกอันหนึ่งกลัวตกใจ

        ผู้ถาม ถ้าอยู่ในโทรทัศน์คงไม่สามารถออกมาทำร้ายเราได้ ไม่ทราบว่าตรงที่เป็นอารมณ์ของโลภะจะเป็นสภาพการสั่งสมด้วยหรือเปล่า

        สุ. คิดใช่ไหม คิดต่างกับเห็น ต่างกับได้ยิน จะไปพูดถึง ๑ ขณะๆ นี้ถ้าเป็นการเกิดโทสะหรือโลภะก็ตามมีเจตสิกเกิดเท่าไหร่ อยากจะรู้ไหม แต่ละเจตสิกนั่นหรือว่ายังไม่ใช่วิสัยที่จะรู้ได้ เพียงแค่รู้ว่าไม่ใช่เรา เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ถ้าไม่อบรมเจริญปัญญาอย่างนี้ก่อน จะไปรู้อะไร คำว่าขันธ์ คำว่าธาตุ คำว่าอายตนะ ก็คือสภาพธรรมทั้งหมด แต่ว่ายังไม่ได้รู้ธรรมสักอย่างหนึ่ง แล้วก็จะไปรู้ขันธ์อะไร ธาตุอะไร อายตนะอะไร แล้วก็ขณะนั้นเป็นอะไรก็มานั่งคิดใช่ไหม เมื่อกี้ที่ถามว่าเป็นอะไร ดับไปแล้ว สิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ถ้าไม่รู้ ไม่มีโอกาสจะรู้อะไรทั้งสิ้น เพราะว่าสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ถ้าไม่รู้ ขณะต่อไปไม่รู้อีก ก็ไม่รู้อีกไปเรื่อยๆ ถ้าอยากทราบอ่านพระไตรปิฎก แล้วก็พิจารณาไตร่ตรองก็จะเป็นความเข้าใจขั้นปริยัติ โทสเจตสิกจะเกิดร่วมกับโลภเจตสิกไม่ได้ แต่เวลาเกิดขึ้นเหมือนพร้อมกัน

        ผู้ถาม เป็นอารมณ์ได้ไหมครับ

        สุ. นั่นไงคะ ทุกอย่างเป็นอารมณ์ของสติปัฏฐานได้ ถ้าเป็นไปไม่ได้จะละได้ยังไงเพราะว่าสิ่งนั้นปรากฏแล้วสติรู้ลักษณะนั้น แล้วปัญญาเห็นแจ้งแทงตลอดแล้วลักษณะนั้นจึงสามารถที่จะละได้ ถ้าโทสะเกิดแล้วสติไม่ได้ระลึกเลย แล้วบอกว่าจะไปดับโทสะ เป็นไปได้ยังไง ไม่ได้รู้ลักษณะของโทสะเลยว่าลักษณะนั้นเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง

        ผู้ถาม แต่ถ้าเป็นอารมณ์ของโลภะ

        สุ. ก็เหมือนกัน กำลังพูดว่าอารมณ์ของโลภะใช่ไหม ขณะนี้อะไรเป็นอารมณ์ของโลภะ คิด เห็นไหมว่าต้องหา กว่าจะเจอ ความจริงก็มีแล้วดับแล้วทั้งนั้นโดยไม่รู้ แต่มานั่งคิดถึงชื่อ คิดถึงสภาพธรรมว่าตรงนั้นเป็นโลภะหรือเปล่า เพราะเหตุว่ายังไม่ได้รู้ลักษณะที่เป็นนามธรรม และรูปธรรมก่อน แค่นามธรรมที่เกิดแล้วดับไป จะไปทันรู้อะไรบ้าง ทางจิต และเจตสิกซึ่งเกิดพร้อมกัน และดับไปพร้อมกัน แต่ลักษณะที่ไม่ใช่ตัวตนของสภาพธรรมเพราะเป็นสภาพรู้ ไม่ต้องเรียกชื่อด้วยขณะนั้น แต่จะห้ามไม่ให้นึกถึงชื่อก็ไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าห้ามอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว แต่สามารถจะรู้ถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆ ได้เมื่ออบรม เมื่อไม่ท้อถอย เมื่อเห็นประโยชน์

        ผู้ถาม ถ้าเกินกำลังที่จะรู้ได้ก็ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่

        สุ. กำลังเริ่มต้น แม้แต่สติที่เกิดแล้วดับไป อกุศลก็แทรกเข้ามามากมาย ก็เริ่มต้นอีก ค่อยๆ รู้อีกจนกว่าจะประจักษ์แจ้ง มีหนทางอื่นไหม

        ผู้ถาม ตอนนี้ยังมองไม่เห็นเลย

        สุ. คิดว่ามีไหม ตอนนี้มองไม่เห็นแสดงว่าต่อไปอาจจะเห็นหรือว่ามีหนทางอื่น

        ผู้ถาม คิดว่าถ้าตอนนี้ดีที่สุดก็คงจะรู้สิ่งที่รู้ได้

        สุ. ยังไม่มั่นคงที่จะรู้ว่าเหตุต้องตรงกับผล ถ้ารู้ไม่ใช่รู้อื่นเลย รู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏแต่ละลักษณะซึ่งต่างกัน

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 206


    หมายเลข 10686
    25 ม.ค. 2567