สละอะไรได้บ้าง


    อ.อรรณพ การสละต้องด้วยปัญญาที่ไม่ใช่เรา เริ่มจากการสละแม้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ จนกว่าที่จะเป็นการสละของบรรพชิตที่ต้องสละทุกอย่างแบบคฤหัสถ์


    ท่านอาจารย์ เสียสละ คำนี้ลึกซึ้งแค่ไหน สละกิเลส สละความติดข้อง เพราะรู้ว่าถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ต้องเป็นไปในสังสารวัฏฏ์ไม่รู้จบ แม้สิ่งเล็กสิ่งน้อย อะไรก็ตามแต่ ถ้าเป็นผู้มีปัญญา ไม่ละโอกาสที่จะพิจารณา ว่าสามารถสละได้ไหม แล้วก็ยังต้อง ไม่ใช่ด้วยความเป็นเรา ต้องรู้จริงๆ ว่าขณะนั้น ไม่ใช่เรา แค่สละอาหารสักมื้อหนึ่ง ไม่เอามื้อใหญ่ เอามื้อเล็กๆ เพราะว่าบางคนมื้อค่ำไม่บริโภค มื้อบ่าย หลังเที่ยง หิว อร่อย ถูกเชื้อเชิญคะยั้นคะยอ สักคำหนึ่ง แค่คำเดียว สละไหม แล้วอย่างไรบรรพชิต แค่นี้ จากคฤหัสถ์ธรรมดา มากมายกว่านี้มาก ชีวิตคฤหัสถ์ ถ้าจะขัดเกลากิเลส ไม่ต้องบอกใคร สละเองนิดๆ หน่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไร หรือว่าของซึ่งคนอื่นชอบ ให้ได้หรือไม่ เราก็ชอบเหมือนกัน แต่ให้ได้ไหม ยังไม่ต้องสละหมดเลย ทรัพย์สินเงินทองอะไร แค่หนึ่ง หนึ่งเดียว ลองดู ไหวไหม แล้วอย่างไรจะไปเป็นบรรพชิต สละหมดทุกอย่าง ทรัพย์สมบัติ วงศาคณาญาติ ความสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงทั้งหลาย ทั้งหมดเลย เพื่ออุทิศชีวิต แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์

    อ.วิชัย ท่านอาจารย์กล่าวว่า เป็นผู้มีปัญญาที่จะเห็นว่า การบริโภคที่เพียงที่จะให้อัตภาพเป็นไป ที่จะไม่บริโภค เช่นหลังวิกาลคืออย่างไร ปัญญาที่จะเห็นตรงนั้นเป็นอย่างไร

    ท่านอาจารย์ รู้ว่าติดข้องหรือเปล่า ที่จะบริโภค

    อ.วิชัย ก็ยังติดข้องอยู่

    ท่านอาจารย์ สละไหม นิดเดียว ติดข้องตรงนั้น ยังมีอีกเยอะที่ไม่ได้สละ แค่นิดเดียวตรงนั้น หนึ่งคำ สละ ไหม แม้คำเดียวก็ไม่บริโภค

    อ.วิชัย ถ้าอร่อยก็ยากจะสละได้

    ท่านอาจารย์ จะสละทรัพย์สมบัติของคฤหัสถ์ คิดดูว่าไม่ใช่แค่คำข้าว หรืออาหารหนึ่งคำ สละกว่านั้นเท่าไร คฤหัสถ์จึงเคารพกราบไหว้ในพระภิกษุ ผู้รู้จักตนเองตามความเป็นจริง จึงขอดำเนินรอยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยขอบรรพชาอุปสมบท เพื่อที่จะประพฤติตาม ไม่ใช่เพื่อที่จะไม่ประพฤติตาม ก็ต้องเข้าใจความถูกต้องว่าภิกษุ คือใคร ไม่ใช่ใครก็อยากบวช แล้วเป็นภิกษุ นั่นไม่ใช่

    อ.วิชัย คฤหัสถ์เป็นไปด้วยความพอใจ เป็นความกล้าหาญที่จะสละได้

    ท่านอาจารย์ แล้วที่ยิ่งกว่าอาหาร นี่แค่คำเดียว คำเดียวจริงๆ ยังไม่ได้ แล้วสิ่งที่มากกว่านั้น ผูกพันมากกว่านั้น สละได้หรือไม่ ธรรมไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่เป็นเรื่องจริง และเรื่องตรง ที่จะต้องเห็นกิเลสตามความเป็นจริง ว่ามากมายมหาศาล เหมือนสิ่งที่อยู่ใต้มหาสมุทร ถูกปกปิดไว้มองไม่เห็นเลย เพียงแค่อะไรโผล่ขึ้นมา จึงเห็น ลองไม่โผล่สิ่ เห็นไหม ลองไม่มีอาหารที่ชอบ โลภะจะปรากฏไหม ลองไม่มีคำหยาบคาย จะโกรธไหม เห็นไหม ทุกสิ่งทุกอย่างมีเพียบ มากมาย หนา หนักแน่น เน่าเหม็น ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นสิ่งที่ไม่ดีอยู่ในจิต แต่เพราะเหตุว่าเป็นธาตุรู้ ไม่มีกลิ่น ไม่มีรูปร่าง ก็มองไม่เห็นว่ามากมายระดับไหน และก็ไม่สะอาดระดับไหน ก็ประมาท ที่จะไม่ประมาทจริงๆ ก่อนอื่น สะสมมาอย่างไร รู้ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ฝืน ยิ่งกว่านั้นก็คือว่าไม่ใช่เรา ยิ่งกว่าการเพียงแค่สละคำนั้น วันนั้นไม่ แต่ยังเป็นเรา

    สละอะไรจะยากกว่า สละความเป็นเรา ต้องเป็นปัญญาจริงๆ ได้ฟังบ่อยมาก ธรรมทั้งหลายไม่ใช่เรา ปัญญาแค่ไหน กับอาหารกำลังอยู่ตรงหน้า ตอนบ่ายหนึ่งคำ ปัญญาแค่ไหน กว่าจะรู้ว่าแม้โลภะขณะนั้นก็ไม่ใช่เรา ถ้าจะบริโภคก็ไม่ใช่เรา จะไม่บริโภค ก็ไม่ใช่เรา เราหมดเลยทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทุกวันในสังสารวัฏฏ์ ความเข้าใจขณะนี้ เกิดท่ามกลางอกุศล คิดดู กว่าจะเจริญ กว่าจะเติบโต กว่าจะไม่ใช่เราจริงๆ ต้องอาศัยความมั่นคง ซึ่งเป็นบารมี ๑๐ ขาดไม่ได้สักบารมีเดียว แม้แต่เนกขัมมะ ไม่ต้องไกล อาหารคำเดียว

    อ.วิชัย เนกขัมมะคือสละทุกอย่าง แต่ว่าแม้ในชีวิตจำวันคือสละเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังยาก

    ท่านอาจารย์ ยังไม่รู้ความหมายของคำว่าสละ ก็จะสละใหญ่ๆ แต่จริงๆ แล้วสละได้ทุกวัน แม้แต่สละเวลาแห่งความเพลิดเพลิน ฟังธรรม ก็สละ ก็ไม่รู้ ความดีที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง สละทั้งนั้น จึงได้กล่าวว่ากุศลทั้งหมด เป็นเนกขัมมะ


    หมายเลข 11382
    18 มี.ค. 2567