เวลาดี


    อ.อรรณพ ฤกษ์ดี เวลาดี เป็นมงคล คืออย่างไร


    ผู้ฟัง สุปุพพัณหสูตร ท่านกล่าวไว้ว่าสัตว์ทั้งหลาย ประพฤติชอบในเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าเป็นฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี ขณะดี ยามดี และบูชาในพรหมจารีทั้งหลาย คนไทยก็จะถือโอกาสต่างๆ ว่าเป็นวันดี เราก็ทำกิจกรรมต่างๆ กับพระสูตรที่ท่านแสดง มีความละเอียดอย่างไร ที่ควรเข้าใจเพิ่มขึ้นกว่านี้อีก

    ท่านอาจารย์ ต้องเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ควรฟังยิ่งกว่าคำของใคร ไม่ว่าใครจะพูดเรื่องอะไรมากมายสักเท่าไรก็ตาม อดีตนานแสนนานมาแล้ว จนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ คำของคนอื่นทุกคำ กับคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปรียบกันไม่ได้เลย สำหรับคำทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้รู้ความจริง ว่าอะไรดี ไม่ใช่วันเวลา แต่ต้องเป็นคุณความดี ก็เป็นเรื่องความละเอียดที่ว่า วันเวลาก็เหมือนทุกวัน เช้าแล้ว เดี๋ยวก็สาย เดี๋ยวก็บ่าย เดี๋ยวก็ค่ำ เขาเป็นอย่างนี้ทุกวัน ดีตอนไหน ดีตรงไหน การที่ได้มีความเข้าใจถูกต้อง ในสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เอง แล้วก็ถูกปกปิดไว้นานมาก จะเปิดเผยต่อเมื่อมีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนอื่นต้องรู้ว่า ไม่มีคำของใครสักคน ที่จะถูกต้อง ยิ่งกว่าคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วไตร่ตรอง เข้าใจถูกต้องเท่านั้น ที่จะกล่าวคำจริงได้ ตรงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว

    ถ้าจะพิจารณาก็จริง จะเวลาเช้าดี เวลาบ่ายดี หรือเวลาไหนดี ก็ต้องเวลาที่มีความเข้าใจถูกต้อง รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมี เพราะว่าเดี๋ยวนี้ทุกอย่างที่มีจริง แต่รู้หรือไม่ รู้หรือเปล่า รู้จริงหรือเปล่า ไม่คิดเอา ว่าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เวลาที่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ในสิ่งที่กำลังมี แล้วไม่เคยเข้าใจมาก่อน นั่นคือเวลาดี วันดี เมื่อไรก็ได้ วันนึงก็มีตั้งแต่ตอนเช้า ตอนสาย ตอนบ่าย ตอนค่ำ เอาตอนไหนดี ถ้าจะเอาเวลา แต่ไม่เลือกเวลาไหน ค่ำก็ได้ ดึกก็ได้ เช้าก็ได้ บ่ายก็ได้ ที่ได้มีความเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเป็นเวลาดี

    ผู้ฟัง เพราะมีความละเอียดลึกซึ้งมาก เพราะท่านกล่าวถึงความดีจริงๆ แต่ว่าในความเข้าใจของคนไทยทั่วไปแล้ว ก็จะกำหนดว่าวันนี้เป็นวันดีๆ วันนี้เป็นวันมงคล มีกิจกรรมอะไรต่างๆ

    ท่านอาจารย์ วันนี้มีคนตายหรือไม่ มีอุบัติเหตุไหม มีทุกอย่างไหม ดีหรือไม่วันนี้

    ผู้ฟัง ชาวไทยส่วนใหญ่ ก็จะหาช่วงเวลาที่เหมาะ ที่ควร ทำในสิ่งที่ดีๆ อย่างเช่นในช่วงวันสงกรานต์ ลูกหลาน ก็จะกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งตรงนี้ ถ้าเข้าใจจริงๆ แล้ว เราก็จะไม่เลือกวันที่จะต้องเป็นวันสงกรานต์ ที่จะต้องทำความดี ที่จะต้องกลับไป อย่างนั้น ตรงนี้ถ้าจะทำให้คนเกิดความเข้าใจผิดหรือไม่ ว่าจะต้องรอ หรือว่าจะต้องอย่างไรถึงจะทำดี

    ท่านอาจารย์ ถ้ามีความเข้าใจถูกต้อง ไม่ผิด เช่นทุกวันเราก็มีธุรกิจ มีเรื่องราวของแต่ละคนมากมาย เด็กก็ไปเรียนหนังสือ ไปทำกิจกรรมต่างๆ ผู้ใหญ่ก็ทำหลายเรื่อง ทุกวันเป็นอย่างนี้ แต่วันปีใหม่ เราใช้คำนี้เพื่อเตือนให้ระลึกว่า เรามีชีวิตอย่างนี้ มานานตลอดทั้งปี แล้วก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหรือไม่ ทุกอย่างที่จะเตือนเราให้ทำความดี แม้ว่าวันธรรมดาเราก็ทำความดีได้ เราจะนับว่าเรามีชีวิตอยู่นับตามพระจันทร์ ดวงอาทิตย์ หรือปฏิทินอะไรก็ตามแต่ ล่วงมาถึงหนึ่งปีแล้ว ได้ทำความดีอะไรบ้าง สามารถที่จะย้อนถอยหลังไปได้ ในปีนี้ที่ผ่านมาแล้ว ใครทำความดีอะไรบ้าง

    ทุกอย่างที่จะทำให้เกิดกุศลจิต ความเข้าใจ ที่ทำให้เข้าใจถูกต้อง ความดีเป็นสิ่งที่ควรทำ และเวลาที่จะทำความดี เราก็ไม่สามารถที่จะเลือกได้ว่าวันไหน ทำได้ทุกวัน ดีได้ทุกวัน แต่ว่าปีนี้ผ่านไปแล้ว อาจจะเป็นเครื่องเตือนว่า เราทำความดีบ้างหรือยัง เช่นเราไม่ได้เข้าใจธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ๔๕ พรรษา อย่างละเอียดยิ่ง แล้วเราเข้าใจถูกหรือเปล่า และเข้าใจถูกกี่คำ ในนั้น ๔๕ พรรษาทรงแสดงไว้มาก แต่ละคนก็สะสมมาที่จะทำความดีเท่าที่จะทำได้ อย่างคนที่ไม่เข้าใจธรรมเลย ความดีของเขาก็คิดถึงว่าจะไปกราบพ่อแม่ ก็เป็นที่เตือนให้ระลึกได้ว่า ทั้งปีเขาทำความดีกับพ่อแม่มากเท่าไร ไม่ใช่ว่าพอถึงวันนี้ทำความดี แต่ในปีหนึ่งทั้งปีที่ผ่านมานั้น ทำดีหรือทำไม่ดีกับพ่อแม่ เป็นเรื่องปัญญา ความเห็นที่ถูกต้อง ปัญญาไม่เข้าใจผิดอะไรทั้งสิ้น ธรรมจริงๆ ถ้าไม่มีสิ่งที่เกิดขึ้น ดับไป จะบอกไม่ได้เลยว่าวันใด เดือนใด

    ที่เรากำหนดเป็นวันเดือนปี ก็โดยที่มีธรรมเกิดขึ้น และดับไป มากหรือน้อย อย่างตอนเช้าเกิดมาแล้ว และเกิดต่อๆ มาจนถึงเดี๋ยวนี้ ก็พอที่จะดูพระอาทิตย์ได้ ถึงเวลาเท่าไรแล้ว เที่ยงหรือยัง บ่ายหรือยัง เย็นหรือยัง ค่ำหรือยัง พวกนี้ก็เป็นเครื่องกำหนดให้รู้ว่า วันเวลาผ่านไป แต่ว่าความจริงคือว่า ทุกขณะผ่านไป ไม่ใช่เพียงแค่เราจะเรียกว่าวันเวลาผ่านไป แต่วันเวลาหมายความถึงว่า มีแต่สภาพธรรมที่เกิดขึ้น และดับไป ผ่านไป ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ถูกบ้าง ผิดบ้าง เป็นเรื่องของความคิด ซึ่งแต่คนก็คิดตามการสะสม หลากหลายมาก

    แต่อย่างไรก็ตามพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้เลย คือความดีเมื่อไรก็เป็นเวลาดีเมื่อนั้น แล้วพอกลับจากสงกรานต์ มาแล้ว จะถึงปีหน้า ก่อนจะถึงปีหน้า ทำดีอะไรบ้างหรือเปล่า คนที่คิดก็คิดได้ตลอด ที่จะให้ความดีเพิ่มขึ้น เข้าใจถูกต้องขึ้น ที่ถูกก็คือว่าไม่ต้องคิดถึงเมื่อไรเลย เฉพาะหน้าที่สามารถที่จะดีได้ เช่นขณะนี้เฉพาะหน้า ที่สามารถที่จะสนทนาธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น ถูกต้องขึ้น นี้ต้องดีทุกขณะเลย ผ่านวันนี้ไปพรุ่งนี้ก็ดีอีกได้ เมื่อมีการฟังเข้าใจอีก ตลอดทุกวัน ดีทั้งนั้น


    หมายเลข 11391
    15 มี.ค. 2567