วิสาขบูชา


        อ.อรรณพ จะบูชาพระคุณสูงสุดของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างไร


        ท่านอาจารย์ วันนี้ก็เป็นวันที่ร่วมใจกัน บูชาคุณของพระรัตนตรัย ทุกคำต้องจริง แล้วก็ตรง บูชา เคารพอย่างสูงสุด พระรัตนตรัย สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในสากลโลก ไม่มีผู้ใดเปรียบได้เลย ก็คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระพุทธรัตนะ เพราะพระองค์ทรงตรัสรู้ และทรงแสดงความจริง ของสิ่งที่มี ซึ่งเป็นธรรม ให้คนอื่นได้รู้ ได้เข้าใจด้วย นี่เป็นพระคุณสูงสุด

        รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อรู้จักว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงๆ และก็ทรงแสดงความจริงให้คนอื่นได้รู้ด้วย เป็นพระธรรมรัตนะ พระธรรมที่ทรงแสดงทั้งหมดทุกคำ เป็นเรื่องของปัญญา ซึ่งจะทำให้มีความเข้าใจถูกในแต่ละคำ บูชาด้วยการฟังด้วยการเข้าใจพระธรรม ที่จะเข้าใจแต่ละคำ ไม่ใช่เพียงเผินๆ วันนี้วันวิสาขบูชา บูชาคุณของพระรัตนตรัย แต่ไม่รู้จักพระรัตนตรัย นั้นไม่ถูกต้องเลย ทุกคำต้องตรง และจริง เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ทรงพระมหากรุณา แสดงธรรมให้คนอื่นได้รู้ ได้เข้าใจด้วย จึงมีผู้ที่อบรมเจริญปัญญา สามารถที่จะรู้แจ้งความจริง ต้องอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงประจักษ์แจ้ง มิฉะนั้นประโยชน์อะไร ถ้าไม่สามารถที่จะรู้ จะเข้าใจความจริง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้

        ด้วยเหตุนี้ในครั้งนั้น จึงมีผู้ที่เคารพบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการฟังพระธรรม ด้วยการเคารพ อบรมเจริญปัญญา ค่อยๆ เข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งลึกซึ้งยากที่จะเข้าใจได้ เพราะเหตุว่ากล่าวถึงสิ่งที่มีแล้วในขณะนี้ ทุกอย่างที่กำลังเป็นขณะนี้ ซึ่งใครก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้

        ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้ที่ได้บำเพ็ญบารมี เข้าใจคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้ทรงแสดงไว้แต่ยังไม่สามารถที่จะรู้ความจริง จนถึงกาลสมัย ของพระสมณโคดมพระองค์นี้ เมื่อได้ฟังอีกครั้งหนึ่ง การที่ได้อบรมความเข้าใจคำ ที่พระองค์ตรัส ที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้แต่ละคำ ก็ทำให้สามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ด้วย ได้

        ด้วยเหตุนี้จึงมีพระสังฆรัตนะ ซึ่งไม่ได้หมายความถึงภิกษุสงฆ์ หรือคณะภิกษุ แต่หมายความถึงคณะของผู้ที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมทั้งหมด ไม่ว่าคฤหัสถ์หรือบรรพชิต เป็นสังฆรัตนะ แต่ละคำไม่ควรที่จะประมาทว่า เราเข้าใจแล้ว แม้แต่การที่จะบูชาพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ด้วยวิธีอื่น พระองค์ไม่ได้ทรงปรารถนาเครื่องสักการะใดๆ เลย จากผู้ที่ไม่เห็นคุณของพระองค์ เพราะไม่เข้าใจธรรม เอาอะไรมาบูชา ในเมื่อไม่รู้คุณของผู้ที่เขาบูชา แต่ว่าถ้าเป็นผู้ที่เข้าใจพระคุณ แล้วก็บูชาพระองค์สูงสุดคือ ด้วยการเข้าใจธรรม ประการสำคัญที่สุดที่ชาวพุทธจะขาดไม่ได้ ไม่ใช่สักการบูชา ด้วยพิธีกรรมต่างๆ ด้วยการกราบไหว้ สวดมนต์ ท่องบ่น ทำอะไรกันต่างๆ ซึ่งไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องรู้ ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง ว่าพระรัตนตรัยลึกซึ้งอย่างยิ่ง ยากที่จะเข้าใจได้ เพราะพระองค์ตรัสไว้ว่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา ไม่มีทางที่ใครจะเห็น หรือว่ารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่เข้าใจธรรม

        ด้วยเหตุนี้ประมาทไม่ได้เลย ในการฟังธรรมแต่ละคำ และรู้ว่าเป็นสิ่งซึ่งเป็นไปเพื่อการสละ เป็นไปเพื่อการละความไม่รู้ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอกุศลต่างๆ ทุกวันนี้ และต่อไปด้วย ตราบใดที่มีกิเลส มีปัจจัยที่จะให้เกิด ไม่มีใครสามารถที่จะดับความเป็นไปของธรรม ธรรมคือธรรมตา ตาคือความเป็นไปของธรรม ฝนตกเป็นธรรมดาใช่หรือไม่ เป็นความเป็นไป เป็นธรรมที่จะต้องเป็นอย่างนั้น ใครยับยั้งได้ ฟ้าร้องเกิดแล้ว ใครไปยับยั้งเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้ แม้จิตใจแต่ละขณะที่จะเกิดขึ้น ก็เพราะเหตุปัจจัยที่แต่ละคนได้สะสมมา นานแสนนานนับไม่ถ้วนเลย จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ จิตนี้เกิดขึ้นเพราะได้สะสมมาตั้งแต่ชาติก่อนๆ จนถึงชาตินี้ด้วย แล้วใครจะแสดงความจริงของสิ่ง ซึ่งกำลังมีเดี๋ยวนี้ แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าไม่ใช่เรา เป็นสิ่งที่มีจริงเมื่อเกิดขึ้น แล้วก็ดับไป สืบต่อ โดยไม่ปรากฏการเกิดดับ ซึ่งขณะนี้เป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้

        พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องเป็นคำพูดที่เหนือบุคคลอื่น เพราะเหตุว่าไม่ได้พูดถึงแค่เกิด แล้วก็แก่ แล้วก็เจ็บ แล้วก็ตาย แล้วก็ทุกข์ และก็สุข แต่ว่ากล่าวถึงความจริงของสิ่งที่มีจริงทั้งหมด ซึ่งไม่เคยเปิดเผยมาก่อนเลย ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าขณะนี้ที่เรากล่าวว่าธรรมก็คือเดี๋ยวนี้ ขณะนี้เป็นธรรมทั้งหมด ใครรู้บ้าง เห็นมีจริงเป็นธรรม เพราะเกิดแล้ว เห็นแล้วดับแล้ว ได้ยินมีจริง สิ่งที่เรากำลังพูดถึง กำลังมีขณะนี้ เดี๋ยวนี้ แต่ไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยเปิดเผยให้รู้ความจริงว่า นี่แหละไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงสิ่งที่เกิดเมื่อมีปัจจัย ถ้าไม่มีปัจจัยจะเกิด ก็ไม่เกิด เกิดไม่ได้ ก่อนจะเกิดเป็นคนนี้ มีคนนี้หรือไม่ ไม่มีเลย แต่เมื่อมีเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดเป็นคนนี้ เป็นคนอื่นได้ไหม เป็นคนก่อนชาติก่อนได้ไหม

        อ.กุลวิไล ไม่ได้

        ท่านอาจารย์ สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกิด สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา แต่ละคำต้องฟังด้วยความเข้าใจที่มั่นคง ดับไปไม่กลับมาอีก ไม่เหลือเลย จะไม่มีคนนี้อีกเลย เมื่อถึงวันที่จากโลกนี้ไป เป็นคนนี้ได้เฉพาะเมื่อเกิดเป็นคนนี้ สุขทุกข์ในโลกนี้ เหตุการณ์ต่างๆ ทุกอย่าง แม้แต่วันนี้ เมื่อวานนี้ พรุ่งนี้ ก็เป็นธรรม ซึ่งใครยับยั้งไม่ให้เกิดไม่ได้เลย จนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องจากโลกนี้ไป หมายความว่าสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ เป็นบุคคลนี้อีกต่อไปไม่ได้เลย เดี๋ยวนี้ชาติหน้า คนหน้า ยังไม่เกิด ยังไม่รู้จะเป็นอะไร แต่ว่ากรรมที่ได้ทำมาแล้ว เราไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่ากรรมไหน ก็เป็นปัจจัยที่จะให้เกิดเป็นคนใหม่ต่อไป ไม่รู้จักคนนี้เลย คนนี้ทำอะไรมาบ้าง เดี๋ยวนี้ไม่รู้ จำไม่ได้ ไม่รู้จัก บอกได้เลยว่าไม่รู้จัก ถ้าได้ยินชื่อของใครในอดีต เขาทำอะไรบ้าง เป็นเราได้ไหม ไม่สามารถที่จะรู้ได้เลย อยู่ในโลกนี้ชั่วคราว ตามแรงกรรม ที่จะให้เป็นคนนี้นานเท่าไร แล้วก็จากไป จากไปที่นี่หมายความว่าไม่เหลือเลย ไม่มีความเป็นบุคคลใดอีกเลย ก็เป็นคนใหม่ ชีวิตใหม่ เหมือนชาตินี้ ก็ไม่ใช่คนเก่าชาติก่อนเลย กี่ชาติๆ มันก็เป็นแต่ละหนึ่งๆ ๆ ซึ่งไม่ใช่ใครสักคน แต่เป็นธรรมเท่านั้น

        การฟังพระธรรมต้องไม่ประมาท การเคารพก็คือว่า ต้องเข้าใจธรรม ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักพระธรรม ไม่เข้าใจพระธรรม แล้วก็กราบไหว้บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าพระรัตนตรัย นั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะเหตุว่านอบน้อมบูชาสักการะสูงสุด ต้องเพราะเห็นความเป็นผู้เลิศ ประเสริฐสูงสุด ไม่มีใครเปรียบได้ และทรงแสดงความจริงให้คนไม่รู้ ได้เริ่มรู้ จะรู้เองไม่ได้เลย แต่ว่าจากความไม่รู้มากี่ชาติ นานเท่าไร ก็จะเริ่มรู้ เมื่อมีการได้ฟังพระธรรม แล้วก็เข้าใจพระธรรม

        การศึกษาพระธรรม เพื่อละ ไม่ใช่เพื่อจะได้อะไรเลย สิ่งใดที่เกิดขึ้นสิ่งนั้นดับแล้ว ได้อะไร มีอะไรเหลือ ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น เกิดแล้วก็ดับไป และก็ไม่กลับมาอีก แล้วก็ไม่เหลือเลย มีแต่ความไม่รู้ ซึ่งพอกพูนแต่ละชาติ และความติดข้องเพราะความไม่รู้ กิเลสนานาประการทั้งหมด ก็มาจากความไม่รู้

        ด้วยเหตุนี้ถ้ารู้ว่าไม่มีเรา ไม่มีดอกไม้ ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน มีแต่สภาพธรรมแต่ละหนึ่งๆ ซึ่งเกิดรวมกัน ก็เลยเข้าใจผิด อย่างเห็นเกิดที่ตา ได้ยินเกิดที่หู แล้วก็ดับไป เห็นก็ดับ ได้ยินก็ดับ แต่ไม่รู้ก็รวมกัน ทั้งหมดเราเห็น เราได้ยิน เราคิดแล้วจำ

        การศึกษาธรรมเพื่อประโยชน์อย่างเดียว คือเข้าใจถูกต้อง ตามความเป็นจริงของสิ่งที่กำลังมี จนกว่าจะประจักษ์ความจริงว่า นี่คือสิ่งที่ทรงตรัสรู้ คือทรงประจักษ์แจ้งความจริงทุกคำ ที่ได้ตรัสไว้ดีแล้ว เพื่อให้คนอื่นได้เข้าใจด้วย


    หมายเลข 11467
    9 มี.ค. 2567