เจริญปัญญาโดยไม่รอ


        อ.อรรณพ ถ้าเข้าใจการอบรมเจริญปัญญา จะไม่หวัง ไม่รอว่าจะรู้แจ้งความจริงเมื่อใด


        ท่านอาจารย์ อย่าได้ล่วงขณะของการเข้าใจธรรม แล้วก็ความเข้าใจที่ได้ฟัง กว่าจะประจักษ์แจ้ง นานไหม

        ผู้ฟัง นานมาก

        ท่านอาจารย์ นับไม่ได้ ใช่หรือไม่

        ผู้ฟัง ใช่

        ท่านอาจารย์ กี่กัป

        ผู้ฟัง ก็นับไม่ได้

        อ.อรรณพ ถ้าล่วงขณะของการฟังธรรมไปเรื่อยๆ ๆ ๆ ๔ อสงไขยแสนกัปล่วงไปจากการที่ไม่ได้ยินได้ฟังนี้

        ท่านอาจารย์ ออกจากสังสารวัฏฏ์ไม่ได้ สังสารวัฏฏ์ไม่มีที่สุด เพราะอะไร เมื่อวานนี้หมดไปก็มีวันนี้ ขณะก่อนหมดไปก็มีขณะนี้ ใครบังคับได้ นี่คือการเกิดขึ้นเป็นไปทุกขณะของสังสารวัฏฏ์ ไม่มีวันจบสิ้น จนกว่ามีเหตุปัจจัยที่จะทำให้ดับสังสารวัฏฏ์ แล้วใครกำหนดให้ได้ คุณคำปั่นอีกกี่กัป ใครกำหนดได้หรือไม่ คุณอรรณพอีกเท่าไหร่ ใครกำหนดได้ไหม ไม่มีใครกำหนดได้เลย เพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ใครทั้งสิ้น ต้องเป็นปัญญาที่เข้าใจจริงๆ ขณะใด ขณะนั้นค่อยๆ ละความไม่รู้ และความติดข้อง ไม่รู้ และติดข้องมาเกิน ๔ อสงไขยแสนกัป ปัญญาที่เกิดขึ้นทีละน้อย ก็ค่อยๆ ละความไม่รู้ ซึ่งมากมายมหาศาล น่าจะเป็นวัตถุก็เกินกว่ากี่จักรวาลจะมารวมกัน กว่าสิ่งนั้นจะหมดไปก็ต้องค่อยๆ หมดไป เห็นหรือไม่ ค่อยๆ หมดไป รอได้ไหม ถามจริงๆ ถ้ารอไม่ได้ก็ผิดทันที หนทางผิดรออยู่แล้ว

        ผู้ฟัง นานแค่ไหนก็จะรอ

        อ.อรรณพ แต่ถ้าคิดจะรอก็คงอีกนาน จนไม่มีกำหนด

        ท่านอาจารย์ นั่งเล่น นอนเล่น รอไม่ได้

        ผู้ฟัง ต้องอยู่ในสังสารวัฎฏ์อย่างที่ไม่มีทางออก และการที่เข้าใจอย่างนี้รู้หรือไม่ นั่นคือหนทางละโลภะ กี่ร้อยกัป กี่แสนกัป ก็หวังไป แต่เมื่อหวังไม่ได้ใครจะรู้ ต้องตามเหตุตามปัจจัย ก็ทำให้ละโลภะว่าไม่มีตัวตน ที่จะไปขวนขวาย หนทางของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นหนทางละ แต่ต้องด้วยความรู้ ไม่ใช่ตัวตนที่ละ จึงมีปริยัติ ปฏิปัตติ ปฏิเวธ มีสัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ คำสอนโดยตรงจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คุณอรรณพปรารถนาที่จะรู้แจ้งสภาพธรรมหรือไม่

        อ.อรรณพ อบรมเจริญปัญญาไปเรื่อยๆ สมบูรณ์พร้อมเมื่อไร ก็แล้วแต่กำลังของปัญญาที่จะรู้แจ้ง

        ท่านอาจารย์ สมัยไหน ในสมัยที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าในสมัยที่ว่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็แล้วแต่เหตุปัจจัย วันนี้ก็คงจะแค่ขอเพียงได้เข้าใจธรรม ความคิดของแต่ละคนหลากหลายมาก ได้สนทนากับท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า ท่านขอตั้งความปรารถนาที่จะได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เฝ้าเฉพาะพระพักตร์ ในสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ทรงดับขันธปรินิพพาน คนที่อยู่ในประเทศนั้น จะเป็นแคว้นไหนก็ตามแต่ มีโอกาสจะได้เฝ้าทุกคนหรือไม่

        อ.อรรณพ ไม่ทุกคน

        ท่านอาจารย์ แต่มีโอกาสที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้หรือไม่

        อ.อรรณพ ได้ อย่างนางกาลีอุบาสิกา เป็นต้น

        ท่านอาจารย์ ไม่ว่าพระสาวกจะจาริกไปที่ใด คนที่ได้ฟังธรรมที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมก็มี โดยไม่ได้เฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างตามเหตุตามปัจจัย จริงๆ แล้วก็คือว่าเลือกไม่ได้ แต่สิ่งที่ตั้งความปรารถนาในสิ่งที่ดี เช่นต้องการได้เฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอะไร ต้องมีคำถาม ไม่อย่างงั้นก็ตอบไม่ได้ว่า จะเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำไม แต่ละคนต่างคนต่างคิดแต่คิดให้ลึกซึ้ง

        พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่ออะไร ให้คนเพียงได้เห็น ได้เฝ้า หรือว่าได้เข้าใจธรรม แม้ว่าในครั้งโน้นมีตั้งหลายแคว้น และบางแห่งผู้คนในครั้งนั้นมีโอกาสได้ฟังพระธรรม โดยที่จากพระสาวก ไม่ใช่ได้เฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็มีใช่หรือไม่ หรือจะรอโอกาสเอาไว้คอยได้เฝ้าเสียก่อน ถึงจะรู้แจ้งอริยสัจธรรม การจะรู้แจ้งสภาพธรรมเดี๋ยวนี้แสนยาก ลองคิดดูว่ากัป กัป กัปเท่าไหร่ อีกนานเท่าไร ถ้าความเข้าใจน้อย ไม่พอ ก็ไม่สามารถที่จะรู้แจ้งสภาพธรรม ซึ่งดูเป็นธรรมดาเหลือเกินในขณะนี้ แต่ว่าความลึกซึ้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ ผู้ที่ได้เข้าใจจริงๆ จะยังคงปรารถนาสิ่งใดหรือไม่ หรือว่าแล้วแต่เหตุปัจจัย หรือว่าขอได้เฝ้า หรือว่าได้เข้าใจธรรม ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ตามเหตุตามปัจจัย เพราะว่าบังคับบัญชาไม่ได้ ก็เป็นความคิดของแต่ละคน แล้วแต่เหตุปัจจัย


    หมายเลข 11474
    6 มี.ค. 2567