ปัญญาอย่างเดียวรู้แจ้งลักษณะของนิพพาน


    สภาพของนิพพานอย่างเดียวที่สามารถดับกิเลสได้ เมื่อปัญญาสามารถรู้แจ้งลักษณะของนิพพาน โลภะติดข้องในทุกสิ่งทุกอย่างที่มี โลภะติดในกุศลได้ไหมคะ กุศลของเรา เรามีกุศลเยอะ เราอยากจะทำกุศลมากๆ ด้วยความต้องการ

    เพราะฉะนั้นธรรมทั้งหมดสามารถเป็นที่ตั้งของโลภะ เป็นที่ยึดถือของโลภะได้ เว้นนิพพาน เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีนิพพาน ดับกิเลสใดๆไม่ได้เลยทั้งสิ้น  แต่เพราะเหตุว่านิพพานเป็นปรมัตถธรรมที่มีจริง แต่ว่าจะสามารถรู้แจ้งได้ด้วยปัญญาที่ถึงขั้นที่สามารถจะรู้นิพพานได้ จึงจะมีนิพพานเป็นอารมณ์ขณะใด ขณะนั้นก็จะเป็นโลกุตตรจิตที่ดับกิเลส ได้แก่ โสดาปัตติมรรคจิต ได้แก่ จิตซึ่งเป็นโลกุตรกุศลระดับแรกเป็นปัจจัยให้เกิดโสดาปัตติผลซึ่งเกิดสืบต่อทันที

    กุศลใดๆที่ทำไม่สามารถที่จะให้ผลทันทีได้ เว้นโลกุตรกุศล เพราะว่าจิตเกิดดับสืบต่อ ไม่มีระหว่างคั่นเลย จิตขณะนี้ดับเป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิด ถ้าเป็นกุศลจิตที่ได้กระทำ เช่นในวันนี้ที่ได้ศึกษาธรรม ได้เข้าใจธรรม เป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ยังไม่ได้ให้ผลทันที กุศลทั้งหลายไม่ได้ให้ผลทันทีที่กุศลนั้นดับไป  เว้นโลกุตรกุศล คือเวลาที่โสดาปัตติมรรคจิตเกิดแล้วดับไป โสดาปัตติผลจิตต้องเกิดสืบต่อทันที ไม่มีระหว่างคั่น เพราะว่าโสดาปัตติมรรคจิตเป็นการดับกิเลส

    เพราะฉะนั้นไม่ใช่เป็นจิตที่จะทำให้ปฏิสนธิ ทำให้เกิดผลคือปฏิสนธิ โสดาปัตติผลจิตไม่ได้ทำกิจปฏิสนธิ เหมือนอย่างกับวิบากของกุศลอื่นๆ ที่ทำกิจปฏิสนธิได้ ทำกิจภวังค์ได้ แต่ว่าพวกโลกุตรวิบากซึ่งเป็นผลของโลกุตรกุศล ไม่ได้ทำกิจที่ทำปฏิสนธิ แต่ดับการเกิดในอบายภูมิ และดับการเกิดจนกระทั่งไม่มีการเกิดอีกเลย เมื่อถึงความเป็นอรหัตมรรคแล้ว

    มีจริง ต้องอบรม เพราะว่าผู้ที่ได้ประจักษ์แจ้งสภาพธรรมที่เป็นอริยสัจจะมีมากมายนับไม่ถ้วนในครั้งอดีตกาล ท่านเหล่านั้นก่อนที่จะถึงระดับนั้นก็เหมือนเรา จากความไม่รู้ก็ค่อยๆ รู้ ค่อยๆ รู้จนกระทั่งถึงระดับขั้นที่รู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ จากความเป็นปุถุชนสู่ความเป็นกัลยาณปุถุชน อบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมนั้น

     


    หมายเลข 4633
    26 ส.ค. 2558