ปฐมฌาน - ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข ไม่ใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา


    ส.   ข้อความต่อไป พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า ดูกรจุนทะ ก็ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะแต่ธรรมคือปฐมฌานนี้ เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในอัตภาพนี้ ในวินัยของพระอริยะ เพราะฉะนั้น ท่านผู้ฟังจะเห็นได้ แม้แต่ปฐมฌานซึ่งยากเหลือเกินคะ ที่จะถึงได้ กว่าจิตจะสงบ เวลาที่ระลึกถึง อารมณ์ที่เป็น สมถกรรฐาน จนกระทั่งนิวรณ์สงบแล้วก็เวลาที่อุคคหนิมิตเกิดขึ้นแล้ว สำหรับผู้ที่เจริญกสิณ ขณะนั้น ยังไม่ถึงอุปจารสมาธิเลย แม้ว่าอุคคหนิมิต คือนิมิตที่ติดตา จะปรากฏแล้ว จะต้องพยายามให้จิตสงบที่อุคคหนิมิตนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใด จนกระทั่งนิมิตนั้นปรากฏเป็น ความผ่องใส ร้อยเท่าพันทวี เป็นปฏิภาคนิมิต ขณะนั้นจิตจึงจะเป็น อุปจารสมาธิ แล้วเวลาที่เป็นอุปจารสมาธิแล้ว ก็ยังจะต้องพยายามที่จะระลึกถึง ปฏิภาคนิมิตนั้น จนกระทั่งองค์ของฌาน คือวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ปรากฏ ขณะนั้นจึงจะเป็นปฐมฌาน ก่อนนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา แม้ในอุปจารสมาธิ ก็มี แต่ว่าไม่มีกำลัง เมื่อไม่มีกำลัง จึงไม่ปรากฏเป็นองค์ เพราะฉะนั้น เวลาที่ปรากฏเป็นองค์ เมื่อใด เมื่อนั้นจึงเป็นปฐมฌาน เพราะเหตุว่า ผู้ที่ได้ปฐมฌานแล้วประกอบด้วยปัญญา ที่สามารถที่จะรู้ความต่างกัน ของ วิตก และวิจาร ในขณะนี้ วิตกเจตสิก  วิตกเจตสิก วิจารเจตสิก ก็กำลังเกิดอยู่ วิตกเจตสิก วิจารเจตสิก จะไม่เกิดกับ ทวิปัญจวิญญาณจิต ๑๐ ดวงเท่านั้น คือไม่เกิดกับ จิตที่กำลังทำกิจเห็น ทำกิจได้ยิน ทำกิจได้กลิ่น ทำกิจลิ้มรส ทำกิจรู้โผฏฐัพพะที่ปรากฏ นอกจากนั้นแล้ว วิตกเจตสิก และวิจารเจตสิกก็กิดร่วมกับจิตทุกดวง แม้ในขณะนี้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่อบรมจนกระทั่งองค์ของฌาน คือวิตกเจตสิก วิจารเจตสิก ปีติเจตสิก สุขคือโสมนัสเวทนา ซึ่งประกอบด้วย ปีติ ซึ่งมีกำลัง และเอกัคคตาเจตสิก ปรากฏ ผู้นั้นจึงจะเห็นโทษของ วิตกเจตสิกว่ายังหยาบ ยังใกล้ชิดต่อจิตซึ่งเป็นไปในกาม คือในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ แล้วเมื่อบุคคลผู้นั้น มีความชำนาญมากขึ้น ในการที่จะระลึกถึงกสิณซึ่งเป็นอารมณ์ของฌาน จนกระทั่ง ขณะใดที่จิต มีปฏิภาคนิมิตเป็นอารมณ์ แล้วปราศจากวิตก ขณะนั้นจึงจะเป็น ทุติยฌาน เพราะเหตุว่า มีแต่วิจาร แม้ไม่มีวิตก ก็สามารถที่จะมีปฏิภาคนิมิตเป็นอารมณ์ได้ นี่เป็นการอบรมเจริญความสงบที่ถูกต้องเป็นความสงบจริงๆ ประกอบด้วยปัญญาที่เป็นไปกับความสงบ และสมาธิที่มั่นคงมาก เพราะฉะนั้น สำหรับพระภิกษุ ที่ท่านได้อบรมจนกระทั่งปฐมฌานเกิดแล้ว พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือปฐมฌานนี้ เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ในวินัยของพระอริยะ เรากล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในอัตภาพนี้ ในวินัยของพระอริยะ เพราะเหตุว่า ปัญญาไม่ได้เกิดขึ้น รู้ลักษณะของสภาพซึ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ที่เป็นวิปัสสนาญาณ เป็นแต่เพียงปัญญาขั้นที่รู้ลักษณะความสงบของจิต แล้วมีปัญญาที่จะรู้ว่า จิตจะสงบยิ่งขึ้นอย่างไร เท่านั้นเอง


    หมายเลข 5171
    19 ส.ค. 2558