ทบทวนปัจจัย - กัมมปัจจัย


    ปัจจัยที่ ๑๐  คือ  โดยกัมมปัจจัย 

    ในอกุศลจิตดวงที่ ๑  คือ โสมนัสสหคตัง  ทิฏฐิคตสัมปยุตตัง  อสังขาริกัง  มีกัมมปัจจัย  คือ เจตนาเจตสิกที่เกิดกับอกุศลจิตดวงนี้  เป็นสหชาตกัมมปัจจัยแก่จิตและเจตสิกอื่น ๆ  ที่เกิดร่วมด้วย  และเป็นนานักขณิกกัมปัจจัยแก่อกุศลวิบากจิต ๗ ดวง  ที่จะเกิดข้างหน้า

    เวลาที่อกุศลวิบากจิตเกิด  ให้ทราบว่าใครก็ไม่สามารถที่จะทำให้อกุศลวิบากจิตนั้น ๆ เกิดได้   นอกจากกัมมปัจจัยที่ได้กระทำแล้วในอดีต  เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัย  ถ้าเกิดเจ็บป่วยทางกาย  มีความทุกข์เกิดขึ้น   ในขณะนั้นเพราะกรรมของตนเอง  อย่าลืม  ไม่ใช่เพราะบุคคลอื่นทำให้  ถ้าไม่เคยกระทำอกุศลกรรมมาเลยในอดีต  จะไม่มีปัจจัยที่จะทำให้อกุศลวิบาก ๗ ดวงเกิดขึ้น  แต่เพราะเหตุว่าอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วนั่นเอง  ดับไปแล้วก็จริง  แต่ก็เป็นปัจจัยที่จะให้อกุศลวิบากจิต ๗ ดวงเกิด 

    ซึ่งอกุศลวิบากจิต ๗ ดวง  ก็คงจะทราบแล้ว  ได้แก่  จักขุวิญญาณ ๑  โสตวิญญาณ ๑  ฆานวิญญาณ ๑   ชิวหาวิญญาณ ๑  กายวิญญาณ ๑  สัมปฏิจฉันนะ ๑  สันตีรณะ ๑ 

    อยากทิ้งไปใช่ไหม  ๗ ดวงนี้ ?   แต่ก็เป็นไปไม่ได้  เพราะเหตุว่าธรรมซึ่งจะทำให้อกุศลวิบากจิต ๗ ดวงนี้มี  ได้กระทำไว้แล้ว   เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาสซึ่งจะให้ผลเมื่อไหร่  ก็เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยที่จะทำให้อกุศลวิบากจิต  ๗ ดวงนี้เกิดขึ้น

    แน่ใจหรือยังว่า  วิบากแต่ละขณะของแต่ละบุคคลเกิดเพราะกรรมของตนเอง  ไม่ใช่เพราะบุคคลอื่นกระทำให้   ไม่โกรธคนอื่น  ไม่โกรธแน่ ๆ หรือเปล่า ?  ยังไม่ยอมที่จะหมดไปใช่ไหม ?  ยังคิดว่าเป็นคนอื่นอยู่นั้นเองที่ทำให้

    ถาม   ไม่ได้ครับ  คือก็ต้องมีบ้าง   เพราะเหตุว่าอย่างบางครั้ง  เราเดินไปเตะโต๊ะ  แทนที่จะโกรธตัวเอง  ไปโทษโต๊ะว่าโต๊ะว่างซุ่มซ่าม  คือก็ต้องมีบ้าง   เพราะยังขัดเกลาได้น้อยมาก  อันนี้ยอมรับครับ   แล้วก็อย่างบางทีขึ้นรถถูกเขาเหยียบเท้า  ก็โกรธคนเหยียบ  หาว่าซุ่มซ่ามไม่ดู   แต่ที่จริงเป็นวิบากของเราเอง  ทางกายปสาทเท่านั้นเอง 

    ท่านอาจารย์ ถ้ารู้ว่าเป็นวิบากของตนเอง  จะไม่โกรธคนอื่นเลยใช่ไหม ?  แม้แต่โจรที่มาเลื่อยขา  แขน

    ถาม   มิได้ครับ  ยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ

    ท่านอาจารย์ แต่ความจริงเป็นอย่างนั้น   ทำไมจึงไม่ให้สภาพธรรมที่เกิดในขณะนั้นพิสูจน์ความจริง

    ถาม   คือความจริงเป็นอย่างนั้นจริง  แต่ทว่ายังทำใจไม่ได้  เป็นแต่เพียงว่าศึกษา   แล้วก็ไม่ใช่ว่าพอวันอาทิตย์ก็มาทีจะมาฟังธรรม  มาฟังบรรยาย   คือมาศึกษาเพื่อให้ทราบว่าอะไรเป็นอะไร  ใช่ไหมครับ ?  แล้วก็อะไรที่พอจะขัดเกลาได้  ก็ขัดเกลาได้เป็นอย่าง ๆ  ไม่ใช่ว่าจะขัดเกลาวันนี้ทั้งหมดเลย  ทั้ง ๖ ทวาร  ก็เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมครับ ?

    ท่านอาจารย์ แต่ธรรมที่ได้ยินได้ฟัง   มีสัญญาความจำที่มั่นคงในเหตุในผล  โดยเฉพาะเวลาที่อกุศลวิบากเกิด   ซึ่งไม่มีใครชอบเลย  อกุศลวิบาก  เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะได้รู้ตามความเป็นจริงว่า  อกุศลวิบากทุกขณะที่เกิด  เป็นผลของการกระทำของตนเอง  แล้วจิตใจก็จะผ่องใส  แล้วก็เป็นกุศล  เพราะเหตุว่าก็ยังมีอกุศลต่อไป  ใครเป็นผู้ที่จะได้รับอกุศลวิบากข้างหน้าต่อไปอีก  ก็ตนเองอีก  ก็ไม่พ้นจากอกุศลกรรมและอกุศลจิต   ถ้าสะสมไว้  ก็ต้องเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลจิตวิบาก  เมื่อไม่ปรารถนาอกุศลวิบาก  ทางเดียวที่จะน้อยลงคือกุศลจิตเกิดมาก ๆ เท่านั้น

     


    หมายเลข 6240
    26 ส.ค. 2558