สักกายทิฏฐิต้องมี สำหรับผู้ที่ยังไม่ใช่พระอริยบุคคล


    ขอให้พิจารณาเรื่องของความเห็นผิดครั้งหนึ่ง สักกายทิฏฐิ การที่ยึดถือรูปว่าเป็นตน ยึดถือเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณว่าเป็นตน นี่เป็นสักาายทิฏฐิ ต้องมีสำหรับผู้ที่ยังไม่ใช่พระอริยบุคคล นี่ก็เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าถ้ายังไม่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ความเห็นผิดอย่างโน้นอย่างนี้อย่างนั้นก็ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้

    เรื่องของสีลัพพตปรามาสมีมากทีเดียว แม้ว่าท่านจะมีความเข้าใจถูกในข้อปฏิบัติแล้ว แต่ว่ากิเลสอกุศลธรรมที่ได้สะสมมาก็ยังมีกำลังพอที่จะชักพาท่านไปให้ไขว้เขวให้คลาดเคลื่อนไปทีละเล็กทีละน้อยได้

    ขอยกตัวอย่าง อย่างท่านที่มีความโกรธเกิดขึ้น แล้วก็เป็นผู้เข้าใจเรื่องการเจริญสติปัฏฐาน แต่ในขณะที่ความโกรธกำลังมีกำลังก็พยายามที่จะทำให้ความโกรธนั้นหมดไป ต้องการที่จะยับยั้งไม่ให้เกิดขึ้น ก็ระลึกถึงสมถะที่จะทำให้จิตสงบ ขณะนั้นไม่ใช่หนทางที่จะดับความโกรธเป็นสมุจเฉท เพราะเหตุว่าถ้าจะเป็นหนทางที่จะดับความโกรธเป็นสมุจเฉท ไม่ได้ไประลึกอย่างอื่น แต่ระลึกลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้นทันที นี่จึงเป็นการเจริญมรรคมีองค์ ๘ การเจริญมรรคมีองค์ ๘ ไม่ใช่อย่างอื่นเลย นอกจากสติระลึกลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะว่าถ้าไปทำอย่างอื่นขึ้นก็เป็นความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน ยังมีเหลือ ยังมีแทรก ยังเจ้ากี้เจ้าการให้ทำอย่างนั้นให้ทำอย่างนี้ แทนที่สติจะระลึกลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าการที่สติจะมีกำลัง ระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปบ่อยๆ เนืองๆ เกิดขึ้นนั้นก็เป็นเพราะเหตุว่า ท่านเจริญสติมากขึ้นนั่นเอง ถ้าท่านไม่เจริญสติมากขึ้น ในขณะนั้นจิตของท่านจะไปคิดเรื่องอื่น คือไปคิดที่จะยับยั้งด้วยวิธีอื่น แทนที่สติจะระลึกรู้ลักษณะนำมาทำและรูปธรรมตามปกติธรรมดา แล้วรู้ว่าหนทางนี้เป็นหนทางเดียวจริงๆ ที่จะดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท เพราะเหตุว่าปัญญารู้ชั้นในลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมทั้งปวงมากขึ้น พอที่จะเข้าใจได้ไหมในเรื่องของการเจริญสติปัฏฐานว่า ระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นนามประเภทใด หรือว่ารูปอะไรก็ตามที่กำลังปรากฏ ตรงไปที่ลักษณะของอารมณ์ สติระลึกตรงลักษณะของอารมณ์ที่กำลังปรากฏ นั่นเป็นการเจริญมรรคมีองค์ ๘


    หมายเลข 6781
    14 ต.ค. 2566