แม่ชี.....

 
oom
วันที่  25 ธ.ค. 2551
หมายเลข  10755
อ่าน  22,136

ผู้ที่มีความศรัทธา ตั้งใจที่ช่วยงานด้านศาสนา และลาออกจากงานไปอยู่วัดเพื่อช่วยเหลืองานทางวัด โดยบวชเป็นแม่ชี เพื่อเป็นผู้ดูแลพระในวัดและจัดกิจกรรมต่างๆ ให้วัด ซึ่งวัดนี้ ยังไม่มีแม่ชี มีแต่พระอยู่ประมาณ 4 - 5 รูป ซึ่งกรณีนี้สามารถทำได้หรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 26 ธ.ค. 2551
ความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่าไม่ต้องบวชเป็นแม่ชีก็ช่วยงานต่างๆ ได้ แต่ไม่ควรไปค้างอยู่ที่วัด เพราะเพศสตรีเป็นข้าศึกของพรหมจรรย์ของพระภิกษุครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
oom
วันที่ 26 ธ.ค. 2551
กรณีที่วัดนั้น มีแม่ชีอยู่ประจำ ถ้าไปบวชจะได้่หรือไม่ เพราะมีแม่ชีอยู่ และแยกโซนกับพระภิกษุ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 26 ธ.ค. 2551

การบวชเป็นแม่ชีเพื่อดูแลพระและกิจกรรมต่างๆ ในวัด ไม่ทราบว่าจะตรงกับจุดประสงค์จริงๆ ในการรักษาศีล ๘ ของแม่ชีหรือเปล่านะครับ คิดว่าคงขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่าเพียงประสงค์ที่จะช่วยดูแลพระท่านด้วยความเห็นใจ หรือมีความประสงค์ที่จะขัดเกลาอกุศลของตนด้วย ส่วนตัวเห็นว่า การเป็นอุบาสิกาที่ดี ก็รักษาศีล ๘ ได้ตามโอกาสอำนวยอาจจะดีกว่าการที่เข้าไปอาศัยอยู่ในวัดทั้งกลางวันกลางคืน สำหรับผู้ที่เป็นสตรีซึ่งก็ไม่ใช่ภิกษุณี ดูแล้วคงจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร ความจริงบางคราวที่เราอาจจะรักษาศีล ๘ ไม่ได้ ก็ขวนขวายช่วยงานด้านต่างๆ ของพระศาสนาได้อยู่นะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
oom
วันที่ 26 ธ.ค. 2551

กรณีคนที่มีศรัทธาต้องการบวช ถ้าเป็นสำนักแม่ชี ซึ่ง ไม่มีพระภิกษุ น่าจะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ี

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ajarnkruo
วันที่ 26 ธ.ค. 2551

ปัญหาอยู่ที่บวชเพื่ออะไรครับ ตัวบุคคลที่จะบวชนั้น ควรรู้อยู่แก่ใจของตัวเอง เพราะถ้าไม่เป็นเหตุเป็นผลจริงๆ แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะลงเอยด้วย"ความอยาก"ที่จะบวช ด้วยเหตุนี้การที่เราจะกระทำสิ่งใดก็ตาม ถ้าเป็นผู้ที่พิจารณาเสียหน่อย มีเหตุมีผล ตรงต่อกุศลมีความเข้าใจถูก มีปัญญารู้หนทางก็จะไม่มีปัญหาใดๆ ในภายหลัง แต่ถ้ากระทำด้วยความอยาก และความไม่รู้ปัญหาก็ย่อมเกิดแน่นอน จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าบวชเป็นชีแล้ว ได้ศึกษาพระธรรมโดยทางผิดหรือถูก ประพฤติปฏิบัติตามโดยทางผิดหรือถูก พอกพูนมิจฉาทิฏฐิหรือเจริญสัมมาทิฏฐิ จะทำอะไรก็ขอให้เป็นไปโดยชีวิตปกติแล้วก็เจริญกุศลขึ้นด้วยความเป็นปกติครับ อย่าคิดว่าถ้าทำผิดแปลกจากปกติแล้วนั่นเป็นกุศล เป็นศรัทธา การกระทำของผู้อื่นที่เราเห็นแล้วคิดว่าดี ไม่ใช่สิ่งที่จะบ่งบอกเสมอไปว่า ผู้นี้กำลังเจริญกุศล ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 26 ธ.ค. 2551

แม่ชีก็คืออุบาสิกาคนหนึ่งที่ถือศีล ๘ อยู่บ้านหรือที่ไหนก็รักษาศีลได้ ที่สำคัญกุศลก็มี ๑๐ อย่าง เช่น การให้ธรรมทาน การฟังธรรม การอุทิศส่วนกุศล การอบรมเจริญสติปัฏฐาน

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เซจาน้อย
วันที่ 26 ธ.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เกมส์
วันที่ 27 ธ.ค. 2551

การบวชชี น่าจะได้รับอิทธิพลจากทางวรรณะพราหมณ์ที่อินเดียนะครับ คือนุ่งขาวห่มขาวโดยเกี่ยวข้องกับศาสนา แต่ว่าในไทยจะปลงผม และอยู่วัดถือศีล ๘ มีการนุ่งขาวห่มขาวเพื่อแสดงเพศนักบวช (แต่ก็ยังเป็นอุบาสิกาครับ)

ถ้าไม่ได้ปลงผมก็จะเรียกว่า ชีพราหมณ์ ซึ่งก็เห็นวัยรุ่นสมัยนี้นิยมกัน เป็นกิจกรรมพักผ่อนอบรมจิตใจ (แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการเดินจงกรม นั่งสมาธิ)

กระผมคิดว่า สตรีที่บวชชีพราหมณ์ อาจจะเห็นว่า เส้นผมนั้นต้องคอยมาทำความสะอาด ต้องคอยรักษา ต้องมัด ต้องทำทรง จึงเสี่ยงที่จะผิดศีลข้อประดับตกแต่ง ก็เลยมีการปลงผมขึ้นมาเพื่อแสดงตนว่าตัดขาดจากทางโลก (คือทางพราหมณ์เขาจะถือว่าถ้าปลงผมคือตั้งใจงดเว้นกามอย่างสิ้นเชิง) ด้วยเหตุนี้ ก็เลยมีการมาอยู่ประจำที่วัดแบบเดียวกับพระภิกษุ จากชีพรามณ์ก็เปลี่ยนเป็นแม่ชี แต่ทางพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นอุบาสิกาไม่ใช่ภิกษุณี ก็เลยถือศีลเพียง ๘ ข้อครับ ปัจจุบันนี้วัดบางที่ แม่ชีถือศีลมากกว่า 8 ข้อด้วยครับ เช่นเพิ่มข้อไม่รับเงินรับทอง

ถึงจะเป็นการบวชที่มีศรัทธาบริสุทธิ์ แต่ถ้าหากต้องอยู่ในวัดที่มีข้อวัตรปฏิบัติที่เห็นผิด เช่น ให้เดินจงกรม นั่งสมาธิ ไม่ศึกษาพระธรรม ก็อาจจะเป็นการเข้าไปคลุกคลีกับความเห็นผิดได้ครับ และสตรีที่ยังเป็นปุถุชน ก็ย่อมจะมีความจุกจิกในเรื่องส่วนตัวกันได้เมื่อมาอยู่รวมกันเป็นกลุ่มในเวลานานๆ หากถือบวชแล้ว ควรจะเผื่อใจไว้หน่อยว่า แม่ชีส่วนใหญ่ที่มาอยู่ร่วมกับท่านก็ยังเป็นปุถุชน อาจมีสภาวะที่ต้องแก่งแย่งชิงดี เป็นโลภะมากกว่าเมตตา หรือติฉินนินทากัน (ทั้งหมดนี้คือปกติของปุถุชนครับ) เพราะเคยคุยกับบางคนที่เคยไปบวชชีมา ก็ผิดหวังที่คนนุ่งขาวห่มขาวอยู่รวมกันในวัด มีปกติคล้ายคนในสังคม และถ้าสมมุติมีเหตุให้แม่ชีนั่งคุยกับพระ ๒ ต่อ ๒ หรือมีแม่ชีเพียง ๑ คนนอกนั้นเป็นพระ ก็ไม่ควรบวชชีเลยครับ เป็นอุบาสิกาแต่งกายปกติจะดีกว่า และหาเพื่อนไปหลายๆ คนถ้าจะช่วยงานพระ

ข้อดีบางอย่างในการบวชชีเมื่อเปรียบเทียบกับการถือศีล 8 ที่บ้าน กระผมคิดว่า อย่างน้อยตรงที่มีการปลงผมทำให้ไม่ต้องมาคอยพะวงกับเส้นผมมาก แล้วก็ไม่ต้องมาจัดทรงให้เข้ากับรูปหน้า ซึ่งถ้าหากมีผมยาวอยู่จะต้องมีการตกแต่ง เสริมความงามได้ (ตามปกติของสตรี) นอกจากนี้ก็คือ ได้อยู่ในสถานที่ซึ่งสงัดจากกาม (ซึ่งต้องเลือกให้ดีๆ และอย่าอยู่ปนกับพระ) และได้ศึกษาพระธรรม ไม่ต้องหาเลี้ยงชีพให้วิตกกังวล ฝึกให้เป็นผู้มักน้อยในโภชนะ (ส่วนใหญ่แม่ชีจะรอพระฉันเสร็จ เพื่อทานอาหารที่เหลือครับ)

ส่วนข้อดีในการถือศีล ๘ อยู่บ้าน ก็สามารถเลือกวันได้ ไม่ต้องถือทุกวัน เพราะคงทำได้ยาก เนื่องจากมีภาระการงานหาเลี้ยงชีพและสามารถเจริญกุศลอื่นๆ ได้ด้วย นะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
oom
วันที่ 27 ธ.ค. 2551

ขอบพระคุณทุกท่านมากค่ะ ที่ให้รายละเอียดต่างๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันวัดส่วนใหญ่ก็จะจัดกิจกรรมเน้นไปในเรื่องของการเดินจงกรม นั่งสมาธิ กรณีนี้ เป็นการสมควรหรือไม่ เพราะทำให้คนหลงผิด คิดว่าการไปบวชชีนั้นจะได้บุญมาก โดยที่ไม่ใส่ใจที่จะศึกษาพระธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
paderm
วันที่ 28 ธ.ค. 2551

จากความเห็นที่ 9

บุคคลใดย่อมเผยแพร่ แนะนำในสิ่งที่ผิดพระธรรมวินัยย่อมมีโทษมากเป็นบาปมาก ดังนั้น ปัญญาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เหมือนกับเข็มทิศหรือหางเสือให้พัดไปในทิศทางที่ถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัย เมื่อมีปัญญาการกระทำทางกาย วาจาและใจย่อมเป็นไป ในทางที่ถูกต้อง แม้ในเรื่องข้อปฏิบัติก็เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสในหนทางที่ถูกต้อง ซึ่งก็ คือ การระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ไม่มีทางอื่นจริงๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่ 28 ธ.ค. 2551
ใครจะสอนแม่ชี แม่ชีจะสร้างกุศลอย่างไร
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
oom
วันที่ 29 ธ.ค. 2551

มีข้อสงสัยว่า ในปัจจุบันมีวัดมากมายที่เน้นการสร้างห้องกรรมฐาน เพื่อให้คนไปปฏิบัติธรรมรักษาศีล เดินจงกรม นั่งสมาธิ ซึ่งดิฉันเองก็เคยไปปฏิบัติแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2530 ไปแต่ละครั้งก็ดีเพราะได้รักษาศีล ๘ ครบทุกข้อ และได้ฟังธรรมเป็นการสะสมกุศล ถ้าอยู่บ้านก็ทำไม่ได้ จนถึงปัจจุบันได้ศึกษาพระอภิธรรม และมาฟังธรรมที่มูลนิธิฯ ทำให้เข้าใจมากขึ้น จึงเป็นห่วงคนอื่นที่ยังไปปฏิบัติตามสถานที่ต่างๆ พยายามชวนให้เขาฟังธรรมมากๆ แต่เขาบอกว่า การปฏิบัติโดยตรงได้ผลมากกว่า ซึ่งดิฉันก็เคยคิดแบบนั้นมาก่อน แต่พอฟังธรรมมากๆ จึงรู้ว่าไม่ใช่ กรณีนี้ แสดงว่าวัดที่เน้นกิจกรรมแบบนั้นก็ยังเข้าใจไม่ถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัย จึงสร้างสถานที่ให้ฆราวาสไปปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะเพศหญิงที่เป็นข้าศึกต่อเพศพรหมจรรย์ของภิกษุ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pornpaon
วันที่ 6 ม.ค. 2552

สมัยที่ยังไม่ได้ฟังธรรม เคยคิดว่าถ้าเกษียณ จะไปบวชเป็นชี แต่เมื่อไปนุ่งขาวห่มขาว ถือศีล ๘ ที่วัด (ทั้งที่ดังและไม่ดัง) หลายครั้งเข้าจึงรู้ว่า อกุศล เกิดมากกว่ากุศลพอได้มาฟังธรรมแล้ว จึงยิ่งมั่นใจว่า ความประสงค์ที่จะขัดเกลากิเลสโดยการบวชเป็นชีนั้น ลำบากและเป็นไปได้ยากอย่างยิ่งทั้งการปฏิบัติผิดเพราะความเข้าใจผิดในอารามหลายแห่งก็มีมากขอให้ท่านผู้นั้นพิจารณาไตร่ตรองเหตุผลที่คิดอยากบวชชีให้ดีๆ อีกสักหลายๆ รอบนะคะคุณอุ้ม


ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
oom
วันที่ 6 ม.ค. 2552

คงสายไปแล้วค่ะ เพราะมีพี่ที่ทำงานเขาไปบวชชีเรียบร้อยแล้ว คิดว่าเขาคงสะสมเหตุปัจจัยมา จึงต้องไปออกบวชแบบนั้น ส่วนดิฉันเองก็เคยคิดว่าถ้าหมดภาระทางโลก ก็จะไปแบบนั้นเหมือนกัน แต่เป็นเรื่องของอนาคต อะไรๆ มันก็ไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
dhammanath
วันที่ 4 ก.พ. 2553

จากความคิดเห็นที่ 8

"หรือมีแม่ชีเพียง ๑ คน นอกนั้นเป็นพระ" ถ้าหมายถึงมีพระ (หรือผู้ชายรวมอยู่ด้วย) ตั้งแต่ ๒ ขึ้นไป อันนี้ไม่ผิดหรอกครับ ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีพระอยู่ ๑ รูป นอกนั้นเป็นผู้หญิงทั้งหมด จะกี่คนก็ตาม อันนี้ผิดครับ ท่านว่ามาตุคามแม้จะมีมาก ก็คุ้มอาบัติของพระไม่ได้ ที่ว่ามานี้หมายถึงอยู่ในที่กำบัง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
dhammanath
วันที่ 13 เม.ย. 2553

คำถามของคุณ oom นี่ ต้องแยกประเด็นให้ดี และต้องคิดให้รอบด้านด้วยครับ กุศลเจตนาที่จะช่วยเป็นสิ่งที่ดีครับ

สำหรับความเห็นของอาจารย์ประเชิญ (ความคิดเห็นที่ ๑) ว่า "ผมคิดว่าไม่ต้องบวชเป็นเแม่ชีก็ช่วยงานต่างๆ ได้ แต่ไม่ควรไปค้างอยู่ที่วัด เพราะเพศสตรีเป็นข้าศึกของพรหมจรรย์ของพระภิกษุครับ"

ประเด็นที่ ๑ "ไม่ต้องเป็นแม่ชีก็ช่วยงานต่างๆ ได้" ตรงนี้ถูกนะครับ แต่ถ้าพิจารณาในรายละเอียดต่างๆ เช่นเพื่อความสะดวกและประหยัดเวลาและเงินทองในการเดินทางรวมทั้งเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนี้ การอยู่วัดจะดีกว่ามากครับ

ประการที่ ๒ "แต่ไม่ควรไปค้างอยู่ที่วัด" ตรงนี้ต้องดูครับว่า การไปค้างอยู่ที่วัดนั้นค้างในลักษณะไหน กล่าวคือมีที่อยู่ค้างโดยเฉพาะแยกไกลออกไปจากพระภิกษุ รวมทั้งกฎเกณฑ์การปฏิบัติค้างแรม ผมไม่เห็นมีอะไรที่เสียหายครับ ถ้าเราถือว่าสตรีไปค้างแรมที่วัดเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ญาติโยมที่สมาทานอุโบสถศีลแล้วค้างอยู่ที่วัดคืนหนึ่งอย่างที่เคยปฏิบัติกันมา ก็คงเป็นเรื่องไม่ถูกเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านี้ ในพระวินัยของภิกษุณี มีอยู่ข้อหนึ่งบังคับไว้ว่า "ภิกษุณีต้องจำพรรษาในอาวาสที่มีพระภิกษุอยู่ด้วย"เดี๋ยวนี้มีภิกษุณีแล้วล่ะที่เมืองไทย จะบวชถูกต้องตามพระวินัจหรือไม่นั้น ต้องมาพิจารณากันอีกที แต่ไม่เห็นท่านเอื้อเฟื้อพระวินัยข้อนี้เลยข้อสุดท้ายของอาจารย์ถูกต้องดีแล้วครับ ผมต้องขอประทานอภัยอาจารย์ประเชิญด้วยครับ ผมมีความรู้เรื่องพระพุทธศาสนาของเราเพียงเล็กน้อย และก็อยู่ไกลด้วย คิดอยู่เสมอว่าสักวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาอันควร คงจะได้เข้าร่วมศึกษาธรรมกับอาจารย์ และท่านอื่นๆ ก็ขอฝากตัวเป็นศิษย์คนหนึ่งด้วยครับ
ด้วยความเคารพครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
prachern.s
วันที่ 14 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ

ส่วนพระวินัยของพระภิกษุณีที่ว่าต้องอยู่ในอาวาสที่มีภิกษุนั้น ต้องมีรายละเอียดอีกว่า อยู่ในอาวาสเดียวกัน แต่อยู่แยกกันคนละส่วน ทำกิจกรรมแยกกัน ไม่ปะปนกันและยังมีพระวินัยข้ออื่นๆ ประกอบในเรื่องนี้ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
dhammanath
วันที่ 13 มิ.ย. 2553

ตามที่เราใช้คำสำหรับแม่ชีว่า "บวช" นี้ ถ้าพูดตามหลักการในคัมภีร์แล้วไม่ถูกต้องเลยเพราะไม่มีในคัมภีร์หลักๆ เลย คำว่า "บวช" ท่านใช้สำหรับสหธรรมิก ๕ เท่านั้นคือภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี และนางสิกขมานา อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้คำว่าอย่างไรดี ที่ผมตั้งประเด็นนี้ขึ้นมา ก็เพียงต้องการความเป็นมาของการเกิดมีแม่ชีขึ้นเท่านั้นเอง ไม่ทราบว่าท่านผู้ใดเป็นผู้ริเริ่ม และก็ไม่ได้มีเจตนาจะต่อต้าน ไม่เห็นด้วย หรือขัดขวางการเกิดมีแม่ชีอะไรหรอกครับ เหตุผลเรื่องที่ทำให้มีแม่ชีน่าจะเป็นเพราะว่า ในนิกายเถรวาทหมดภิกษุณีไป ทำให้สตรีที่มีศรัทธาอยากจะบวชก็พลอยหมดโอกาสไปด้วย ก็เลยคิดการบวชเป็นแม่ชีขึ้น เพื่อสนองความประสงค์ที่จะบวชไปได้ระดับหนึ่ง แต่ในปัจจุบันนี้ได้เกิดมี "ภิกษุณี" ขึ้นแล้วในประเทศไทย ผมคิดว่าจะมีประเด็นที่เข้ามาสู่การพิจารณากันอีกมาก และจะเป็นที่ยอมรับกันขนาดไหนนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่าง

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
dooper
วันที่ 2 ธ.ค. 2554

ความเห็น ที่ 8 คุณ เกมส์ กระจ่างแท้จริง ครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ