ทำไมถึงอภัยไม่ได้

 
kanchana.c
วันที่  11 ก.ย. 2552
หมายเลข  13504
อ่าน  8,106

มีหลายครั้งที่คิดถึงคำพูด หรือการกระทำที่ไม่น่าพอใจของคนอื่นแล้ว รู้สึกเจ็บแปลบ เหมือนลูบโดนเสี้ยนที่ตำอยู่ในเนื้อ ซึ่งไม่ใช่อารมณ์ที่น่าปรารถนาเลย แต่ก็ยังให้อภัยคนที่พูดหรือทำให้เจ็บใจนั้นไม่ได้ ทั้งๆ ที่ได้ฟังธรรมมานานพอสมควร ก็ยังปฏิบัติธรรมขั้นอภัยทานไม่ได้ ได้ฟังคำบรรยาย “แนวทางเจริญวิปัสสนา” ครั้งที่๑๕๘๗ แล้ว ตรงกับใจคิดพอดี ท่านอาจารย์บรรยายว่า

“...สำหรับอภัยทาน ไม่มีวัตถุไทยธรรมที่จะให้ แต่ก็ควรพิจารณาว่า จะยากกว่าการสละวัตถุทานหรือเปล่า เพราะเหตุว่าเป็นการสละความเห็นแก่ตัว ความรักตัวในการที่ไม่ให้อภัยความผิดของคนอื่น หรือในความบกพร่องของคนอื่น ขณะที่ไม่อภัยให้บุคคลอื่น ขณะนั้นลองพิจารณาดูว่า เพราะรักตัวเองหรือเปล่า ที่ทำให้ไม่สามารถจะอภัยในความผิด หรือในความบกพร่องของคนอื่นได้ ลึกลงไปจริงๆ เป็นเพราะความรักตัว ความยึดมั่นในตัวตนหรือเปล่า การสละความเห็นแก่ตัวขั้นอภัยทาน ทำให้สละความคิดร้าย สละความแค้นเคือง สละความผูกโกรธ สละความไม่หวังดี สละความไม่เป็นมิตร สละความไม่เกื้อกูล สละความไม่มีน้ำใจต่อคนอื่น

พระธรรมเหมือนกระจกที่จะส่องตัวของท่าน ให้รู้จักตัวของท่านตามความเป็นจริง ชัดเจนว่า ท่านมีทานขั้นไหน เพียงวัตถุทาน หรือว่าอภัยทานด้วย เพราะบางคนสละวัตถุง่าย แต่อภัยทานยาก เพราะฉะนั้น ก็เห็นความเห็นแก่ตัว ความยึดมั่นในตัวตนความรักตัว ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ไม่อภัยในความผิดและความบกพร่องของคนอื่น ถ้าเห็นความบกพร่องของตัวเองที่ไม่อภัย เห็นความเห็นแต่ตัวเองที่ไม่ให้อภัยคนอื่นก็ควรที่จะเห็นความเห็นแก่ตัวนั้นว่า เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ น่ากลัว และควรที่จะรีบอภัยให้ทันทีจะไม่มีอกุศลธรรมที่น่ารังเกียจ ที่เป็นความเห็นแก่ตัวนั้นๆ ก็ควรที่จะคิดต่อไปอีกว่า ผู้ที่ควรแก่การรับอภัยทานนั้นมีใครบ้าง เพราะบางคนก็ช่างคิด คนนี้อภัยให้ได้ คนนั้นอภัยให้ไม่ได้ นี่ก็เป็นเรื่องของอกุศลทั้งนั้น ไม่มีความเสมอกันในสภาพธรรมที่ยึดถือว่าเป็นบุคคลต่างๆ เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะพิจารณาว่า ผู้ที่ควรแก่การที่จะรับอภัยทานนั้นมีใครบ้าง จะเว้นไหม หรือไม่ควรเว้น ทุกคน ไม่ว่าคนดีและคนชั่ว บางคนอาจจะอภัยให้เฉพาะคนดี เพราะเหตุว่าเขาดี ก็อภัยให้ แต่คนชั่วไม่อภัย…”

ทั้งๆ ที่รู้ว่า ถ้าให้อภัยแล้ว ก็เหมือนกับสละความไม่ดีทั้งหลายในใจของตนออกไป ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความผูกโกรธ ความอาฆาต ความไม่เกื้อกูล ความไม่เป็นมิตรความไม่มีน้ำใจ ซึ่งถ้าสละออกไปเสียบ้างก็จะทำให้สบายขึ้น แต่ก็ยังทำไม่ได้ เพราะปัญญาขั้นฟังนั้นยังไม่มีกำลังพอ ปัญญาขั้นพิจารณาก็ยังไม่พอ ต้องเป็นปัญญาขั้นประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมทั้งหลาย ที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ว่าไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน จึงจะให้อภัยได้จริงๆ

ตอนนี้ก็คงทำได้แค่ยังอภัยให้ไม่ได้ แต่ไม่แสดงออกให้รู้ ดูภายนอกเหมือนให้อภัยแล้ว เพราะรู้สึกกิเลสหนาแน่นเหลือเกิน ยากที่จะขัดเกลาจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่า กิเลสทั้งหลายน่ารังเกียจและน่าเกรงกลัวผลของอกุศลกรรม แต่ก็ยากที่จะให้อภัยจริงๆ ก็คงเป็นความรู้ขั้นการฟังเท่านั้นอีกเหมือนกัน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ups
วันที่ 11 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วิริยะ
วันที่ 11 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 11 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
opanayigo
วันที่ 11 ก.ย. 2552

ข้อความยกมา ;

เพราะบางคนก็ช่างคิด คนนี้อภัยให้ได้ คนนั้นอภัยให้ไม่ได้ นี่ก็เป็นเรื่องของอกุศลทั้งนั้น ไม่มีความเสมอกันในสภาพธรรมที่ยึดถือว่าเป็นบุคคลต่างๆ

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 12 ก.ย. 2552

ปุถุชนที่มีกิเลสก็ย่อมมีการทำผิดพลาดเป็นธรรมดา ถ้าทำผิดแล้วยอมรับผิด แก้ไขแล้วสำรวมระวังต่อไป จะไม่ทำอีก เป็นบัณฑิต ส่วนคนที่ทำไม่ดีกับเรา ถ้าเขาขอโทษ บัณฑิตก็ควรให้อภัย ไม่ผูกโกรธ ในพระไตรปิฏกก็มีแสดงไว้ว่า สัตบุรุษเมื่อทะเลาะกัน ก็ย่อมคืนดีกันได้เร็ว ส่วนคนพาลเมื่อแตกกันแล้วก็เหมือนภาชนะดิน ย่อมไม่สามารถคืนดีกันได้เลยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
aditap
วันที่ 12 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 12 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 13 ก.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
อภิรดี
วันที่ 13 ก.ย. 2552
ปัญญาไม่มีกำลังพอที่จะให้อภัย
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
choonj
วันที่ 14 ก.ย. 2552

ผมมีความเห็นว่า ถ้าจะให้ง่ายต่อการที่จะให้อภัย ก็ต้องมีการพิจารณาถึงผู้ที่ไม่ได้มีธรรม ก็เป็นปรกติที่จะไม่ให้อภัยได้ เพราะยังเป็นไปตามทางโลก แต่เมื่อมีการศึกษา ก็จะรู้ว่าการไม่ให้อภัยขณะนั้นเป็นโทษะ เป็นอกุศล ซึ่งจะนำวิบากที่เป็นอกุศลจิตมาให้ในภายหลัง แล้วถ้ารังเกียจอกุศล การให้อภัยก็จะง่ายขึ้น เพราะอกุศลจะเป็นภัยไม่เฉพาะผู้ให้แต่ผู้รับด้วย มีพระสูตรหนึ่ง ที่พระอินทร์รบชนะยักษ์ จับยักษ์ได้แล้วถูกยักษ์ด่าว่าอย่างเสียหาย พระอินทร์ไม่โกรธตอบ ในขณะนั้นก็ช่วยทั้งยักษ์และพระอินทร์ให้พ้นจากอกุศลคืออบายได้ เมื่อเราเป็นผู้ศึกษาก็ควรให้อภัยทุกอย่างทุกเวลาไม่ว่าใครจะได้ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้าด้วย ส่วนผู้ที่ไม่ควรให้อภัยนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่ไม่ได้ศึกษา เราก็เอาตัวรอดดีกว่า ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
petcharath
วันที่ 14 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
oom
วันที่ 15 ก.ย. 2552

ทุกอย่างก็เป็นธรรมะ ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ เพราะไม่ใช่เรา มีแต่เพียงจิต เจตสิกและรูป ที่เกิดดับ คงต้องเป็นเรื่องการอบรมเจริญปัญญา สะสมไปทีละเล็กที่ละน้อย การให้อภัยกัน เป็นสิ่งที่ทำได้โดยไม่ต้องเสียเงิน เสียทอง แต่ก็ละยากเพราะความเป็นตัวตนของเราที่ยึดถือนั้นเอง..........

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
michii
วันที่ 17 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
wirat.k
วันที่ 18 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
saifon.p
วันที่ 21 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
naam
วันที่ 27 ก.ย. 2552

ขอปรึกษานะค่ะ

ถ้าคนที่ทำผิดกับเรา มาขอให้เราให้อภัย ด้วย ที่เขาสัญญา ว่าจะไม่ทำตัวแบบนั้นอีก และเขาก้อทำตัวดีขึ้น เรื่อยๆ ๆ ถึงตอนนี้ แต่เรา "ยังไม่เคยลืมการกระทำที่แย่ๆ ของเขาเลย รู้สึกแย่ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุกาณ์นั้น ลืมไม่ได้จริงๆ " ถึงแม้ ว่าตอนนี้ อะไร ก้อดีขึ้นแล้ว แล้วเราจะไว้ใจได้ยังไงค่ะว่าเขา เป็นคนดี ไม่ทำสิ่งแย่ๆ กับเราอีก มันค่อนข้างยากที่จะอยู่ด้วย กัน แบบไว้ใจ และ ไม่ระแวง กลัวว่าเขาจะทำไม่ดีอีก และมันก็อาจเกิดขึ้นได้ ทำไมต้องให้โอกาส คนคนนี้ เข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ช่วยแนะนำได้ไหมค่ะ ว่าให้คิดยังไงให้รู้สึกดีขึ้น และจะทำยังไงให้ลืม สิ่งไม่ดีที่เขาทำ

ขอโทษนะค่ะที่รบกวน

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
prachern.s
วันที่ 28 ก.ย. 2552

คิดว่าเรื่องการให้อภัย ควรให้อภัยกับทุกคนที่เป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิด แต่ควรคบกับทุกคนหรือไม่ อันนี้ต้องพิจารณาครับ ถ้าเขาเป็นบัณฑิต ควรคบ แต่ถ้าเป็นพาล ไม่มีคุณธรรม ไม่ควรคบ ไม่ควรอยู่ใกล้ชิดครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
oom
วันที่ 30 ก.ย. 2552

การให้อภัย .........พูดแล้วเป็นเรื่องที่ดูเหมือนทำได้ง่าย แต่ยากสำหรับคนที่ไม่ได้เจริญปัญญา แม้ผู้ที่ศึกษาธรรมะก็ยังให้อภัยได้ยาก เพราะเป็นเรื่องของเหตุปัจจัยจริงๆ ถ้ายังปล่อยวางไม่ได้ ก็จะให้อภัยคนอื่นไม่ค่อยได้ จากประสบการณ์ของคนใกล้ตัว ทำให้รู้ว่าทำได้ยาก ถ้าพูดแค่ปากละก็ทำได้ง่าย แต่ใจไม่ได้ให้อภัยจริงๆ เมื่อมีสิ่งที่มากระตุ้น ก็จะแสดงออกทางกาย วาจา ที่ไม่งาม การให้อภัยถ้าเราอยู่กับปัจจุบันหรือรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงที่กำลังปรากฎ ไม่คิดนึกเป็นเรื่องราวต่างๆ ก็คงจะอภัยได้ง่าย

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
choonj
วันที่ 30 ก.ย. 2552

สิ่งที่เขาทำไม่ดีลืมยากใช่ไหมครับ แล้วก็จะเข้ามาในความคิดบ่อยๆ ทำให้รู้สึกไม่ดีและเป็นกังวน ลองคิดอย่างนี้ได้ไหมครับว่า เมื่อความรู้สิกที่ไม่ดีเกิดอีก ก็ให้รู้ว่าเป็นธรรมชนิดหนึ่งเกิดแล้วก็ดับหาสาระไม่ได้ เพราะความรู้สิกที่ไม่ดีนี้จะอยู่นานไม่ได้ แต่ที่รู้สิกว่านานเพราะเขาเกิดบ่อยๆ เกิดอีกก็รู้ว่าเป็นธรรม เกิดอีกทีก็รู้ว่าเป็นธรรมอีกที แล้วอย่าไปยึดมันเพราะจะทำให้เกิดทุกข์ ถ้าอย่างนี้ได้จนมีกำลังก็จะไม่เดือดร้อนเหมือนในขณะนี้ ส่วนอภัยแล้วเป็นคนดีต่อไปก็อนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
pornpaon
วันที่ 24 ต.ค. 2552

ทำไมถึงอภัยไม่ได้ ความผูกโกรธเป็นศัตรู เป็นภัยแก่ตน คนอื่น......ไม่ได้มาเดือดร้อนด้วยเลย ทั้งๆ รู้อย่างนี้ หลายครั้งก็ยังให้อภัยไม่ได้ เพราะขาดความเป็นมิตร...แม้แต่กับตนเอง เพราะตนเองมีความพอใจที่จะโกรธ...คนอื่น เพราะยังไม่เข้าใจ ปัญญายังไม่พอ จึงยังยึดมั่นในความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน จึงยังหวงแหนกระทั่งความโกรธ ไม่ยกโทษให้ เพราะไม่เข้าใจว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ

ความเข้าใจขั้นการฟัง ทำอะไรโทสะ โลภะ และโมหะไม่ได้เลย แต่การฟังการศึกษา ก็ช่วยให้ความเป็นคนช่างโกรธง่ายของตนเอง หายเร็วขึ้นบ้าง เพราะระลึกนึกได้ถึงโทษของการสะสมความโกรธ...ก็คลายลง แต่ยังให้อภัยไม่ได้จริง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
Tansiri
วันที่ 23 พ.ค. 2561

ดิฉันเคยเป็นซึมเศร้าหนักมาก มีเพื่อนคนนึงคอยปลอบ ตอนท้อง ช่วยหาหมอผ่าตีดที่ดี หลังจากนั้นเราคอยโทรหาเค้าแบบไร้สติ เกือบตลอดเวลา เค้าเลยบลอกสาย ตอนนั้นโกรธมากถึงขั้นประจานลง facebook

5 ปีผ่านมา อาการดีขึ้น ได้ปฎิบัติธรรมบ้าง นึกขึ้นมาได้พยายามหาเบอร์โทรไปขอโทษ พอโทรไป เค้ารู้ว่าเป็นใคร เค้าวางสายใส่หู แล้วตัดสายทิ้ง

รู้สึกทุกข์มาก เค้าอาจกลัวเราโทรกระหนำ่เหมือนเคยเป็น ใจนึงก็คิดว่าเราคงเคยเลวมาก เค้าอาจร้องให้เป็นเดือน เพราะสิ่งที่ประจานแทงใจเค้าหมด อีกใจนึกด็คิดว่านานแล้ว 5 ปีแล้ว แค่ยอมอภัย แต่ไม่ต้องคบเป็นเพื่อนไม่ได้เหรอ ทุกข์ใจเหลือเกิน มันแทรกเข้ามาในใจตลอดตลอด

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
kanchana.c
วันที่ 15 ก.ค. 2561

เวลาผ่านไปเกือบสิบปีที่เขียนกระทู้นี้ จำไม่ได้แล้วว่า โกรธใคร โกรธเรื่องอะไร ทั้งๆ ที่ขณะนั้นต้องเป็นเรื่องที่คิดว่าสำคัญมาก ถึงได้เขียนกระทู้นี้ ทำให้เห็นชัดว่า เรื่องราวเป็นเพียงสมมติที่คิดนึกนั้นไม่ใช่ของจริง แต่ความโกรธเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดแล้วดับไป หมดไปแล้วก็จริงแต่ก็สะสมไว้ในจิต เป็นรากของต้นไม้พิษที่จะเติบโตเป็นความโกรธมากขึ้นๆ ต่อไป ก็คงเหมือนชาติก่อนๆ ที่ผ่านมา โกรธคนนั้น คนนี้ เรื่องนั้น เรื่องนี้ แล้วก็หมดไป ลืมเรื่องราวเหล่่านั้นทั้งหมด เหลือไว้แต่เพียงความโกรธที่ยังไม่ลืม พร้อมจะโกรธทันทีที่ประสบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ทั้งหมดนี้เพราะไม่รู้ตามความเป็นจริงว่า โกรธก็เป็นธรรมอย่างหนึ่งที่ต้องเกิดดับ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ใคร ไม่มีเราในโกรธนั้นเพราะเกิดแล้่วก็ดับทันที แต่เมื่อยังไม่รู้จริงๆ อย่างนี้ โกรธนั้นก็ยังเป็นเรา เป็นเขา จึงผูกโกรธต่อไปอีกไม่รู้จบ จนกว่าจะรู้จริงๆ ในความเป็นธรรม ไม่ใช่เราของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดับไป

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ