อินเดีย ...อีกแล้ว27
ปัฏนะ
เมื่อชมมหาวิทยาลัยนาลันทาจนทั่วแล้ว ก็ไปกราบนมัสการหลวงพ่อองค์ดำที่อยู่
นอกบริเวณมหาวิทยาลัย ห่างไปประมาณ ๑ กิโลเมตร เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวที่ไม่
ถูกทำลาย จึงนับถือกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ออกจากมหาวิทยาลัยนาลันทาประมาณบ่ายสองโมง เพื่อไปปัฏนะ เมืองหลวงของรัฐ
พิหาร ซึ่งห่างออกไป ๙๐ กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เวลา ๖ ชั่วโมง ซึ่งก็จะถึงเมืองปัฏนะ
รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม Chanakya ประมาณสองทุ่ม พวกเราจึงเตรียมตัวพัก
ผ่อนในรถ นั่งชมข้างทางที่เป็นทุ่งนาในยามเย็น ซึ่งดูสวยสงบดี
ปัฏนะ เดิมชื่อ ปาฏลีบุตร เป็นเมืองหลวงถาวรของแคว้นมคธมาแต่ครั้งพระเจ้ากาลา
โศก โอรสของพระเจ้าสุสุนาค ที่ได้ทรงอุปถัมภ์สังคายนาครั้งที่ ๒ (พ.ศ. ๑๐๐) โดย
ปรารภเรื่องภิกษุวัชชีบุตรแสดงวัตถุ ๑๐ ประการนอกธรรมวินัย ใช้เวลาสังคายนา ๘
เดือน แต่ภิกษุวัชชีบุตรก็แยกตัวออกไปตั้งนิกายมหายาน (ข้อมูลจาก กาลานุกรม)
เมืองปาฏลีบุตรเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช (ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๔)
เมื่อทรงมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างสูงสุด เน้น
การสร้างสาธารณูปโภค บำรุงความสุขและศีลธรรมของประชาชน อุปถัมภ์บำรุงพระ
สงฆ์ทรงสร้างวิหารถึง ๘๔,๐๐๐ แห่งเพื่อเป็นศูนย์กลาง และ ทำศิลาจารึกสื่อสารเสริม
ศีลธรรมแก่ประชาชน ประการหลักการแห่งเสรีภาพแบบสมัครสมานทางศาสนา ตลอด
จนอุปถัมภ์การสังคายนาครั้งที่ ๓ (พ.ศ. ๒๓๕) ที่ปรารภการที่มีเดียรถีย์มากมายปลอม
เข้ามาบวชเพราะต้องการลาภสักการะ ในการสังคายครั้งนั้นมีพระอรหันต์จำนวน
๑,๐๐๐ รูป ใช้เวลา ๙ เดือน และส่งพระสมณทูต ๙ สายไปประกาศพระศาสนาในแดน
ไกล เช่นที่เกาะลังกา รวมทั้งสุวรรณภูมิ (ประเทศไทย) ด้วย
ประวัติของพระเจ้าอโศกแสดงไว้ในอรรถกถาอย่างละเอียด แต่ที่เราชอบมาก คือ
อดีตชาติของท่านเป็นพ่อค้าขายน้ำผึ้ง วันหนึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้าเข้ามาในเมืองเพื่อ
บิณฑบาตน้ำผึ้ง ท่านก็ถวายไปจนเต็มบาตร พร้อมกับตั้งอธิษฐานขอให้เป็นใหญ่ใน
แผ่นดิน เมื่อน้องชาย ๒ คนของท่านกลับมา ท่านเล่าให้น้องฟัง น้องชายคนหนึ่งกล่าว
อนุโมทนาและอธิษฐาน ให้มีส่วนแห่งธรรมของพระองค์ด้วย ส่วนอีกคนหนึ่งบอกว่า น่า
จะเป็นจัณฑาลที่ปลอมตัวมาบิณฑบาต แต่ในที่สุดก็อนุโมทนาและขอให้มีส่วนแห่ง
ธรรมเช่นกัน
ต่อมาพี่ชายคนโตก็ได้เป็นพระเจ้าอโศก และ น้องชายคนที่อนุโมทนาทันทีก็ได้เป็น
น้องชายร่วมมารดา คือท่านติสสะ เมื่อบวชแล้วก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเวลาต่อมา
ส่วนน้องอีกคนนั้น เมื่อท่านอยู่ในท้องของมารดา พระเจ้าอโศกได้ฆ่าพี่น้องร่วมบิดาทั้ง
หมด มารดาของท่านจึงพาท่านหนีไปอยู่หมู่บ้านคนจัณฑาล และถูกเลี้ยงดูจากคน
จัณฑาล เมื่อท่านอายุ ๗ ขวบ ได้บวชเป็นสามเณร คือ นิโครธสามเณร ท่านบรรลุเป็น
พระอรหันต์ทันทีที่บวช และ ได้มาโปรดพระเจ้าอโศก ให้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
เมื่ออ่านประวัติของท่านแล้ว ก็นึกเองว่า ท่านปรารถนาสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ
คือ ปรารถนาความเป็นใหญ่กว่าใครๆ ในแผ่นดิน แต่อย่างไรก็ตามท่านก็เป็นผู้ทำคุณ
ประโยชน์แก่พระพุทธศาสนามากมาย ทำให้ศาสนาสืบต่อมาจนถึงพวกเรา มีสังเวชนีย
สถานให้ได้กราบไหว้ มีพระธรรมคำสอนแพร่หลายมาจนถึงแดนไกลอย่างสุวรรณภูมิ ก็
ต้องกราบอนุโมทนาในกุศลที่ท่านได้ทำไว้อย่างมากมาย และระลึกถึงคุณของท่านอย่าง
ยิ่ง
เมื่อได้อ่านเรื่องราวของเมืองปัฏนะในปัจจุบัน รู้ว่าตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำคงคาที่กว้างที่สุด
ถึง ๕ กิโลเมตร และ มีสะพานข้ามยาวที่สุดในอินเดีย ซึ่งยาวถึง ๑๕ กิโลเมตร มีสถาน
ที่สำคัญทางพระพุทธศาสนามากมาย เช่น วัดอโศการาม ที่เป็นสถานที่ทำสังคายนา
ครั้งที่ ๓ และอื่นๆ แต่เพราะมีเวลาอยู่ปัฏนะไม่กี่ชั่วโมง จึงไม่มีโอกาสได้เห็นอะไร นอก
จากโรงแรม และถนนหน้าโรงแรมเท่านั้น เพราะเมื่อคืนนี้กว่าจะถึงโรงแรมก็เกือบ ๕ ทุ่ม
(จากที่คาดว่า ๒ ทุ่ม) เนื่องจากมีรถบรรทุกจอดริมถนน กลางถนน แน่นขนัดเป็นพันๆ
คัน กว่าจะแล่นแทรกเข้ามาถึงในเมืองได้ ระยะทาง ๑๐ กว่ากิโล ก็ใช้เวลาเกือบ ๔
ชั่วโมง พวกเราหลายคนมีปัญหาเรื่องเข้าห้องน้ำ คอยลุ้นว่าเมื่อไรจะถึง ไม่มีใครรู้ว่า
ข้างหน้ามีอะไรเกิดขึ้น ในที่สุดทนไม่ไหว ก็ต้องใช้สุขาสาธารณะของอินเดีย คือ ริม
ถนนหลวงที่เต็มไปด้วยแสงไฟจากรถทุกชนิด ก็ทนไม่ได้จริงๆ นี่นะ แต่ก็คงไม่แปลก
อะไรสำหรับอินเดีย