วิถีจิตทางมโนทวาร

 
วิริยะ
วันที่  22 ส.ค. 2557
หมายเลข  25366
อ่าน  3,721

เรียนถาม

อยากทราบว่า วิถีจิตทางมโนทวารไม่ใช่วิบากจิต เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่คะ มีแต่วิถีจิตทางปัญจทวารเท่านั้นที่เป็นวิบากจิต

ขอบพระคุณอย่างสูง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 22 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การศึกษาพระธรรม ก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย และประการที่สำคัญ จุดประสงค์ของการศึกษาพระธรรมก็เพื่อเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าใจ แม้จะกล่าวถึง ภวังคจิต ก็ดี วิถีจิตก็ดี ก็คือ สภาพธรรมที่มีจริงๆ ซึ่งถ้าไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาจะไม่สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงได้เลย

ทุกขณะของชีวิต ก็คือ การดับดับสืบต่อกันของจิตแต่ละขณะๆ เป็นไปอย่างไม่ขาดสาย จิต เมื่อจำแนกเป็นประเภทใหญ่ๆ แล้ว มี ๒ ประเภท คือ จิตที่เป็นวิถีจิต กับ จิตที่ไม่ใช่วิถีจิต ซึ่งก็ต้องกล่าวถึงความหมายของจิต ๒ ประเภทนี้ เป็นเบื้องต้นก่อนว่าวิถีจิต คือ จิตที่เกิดขึ้นโดยอาศัยทวารหนึ่งทวารใดใน ๖ ทวาร (ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ) ในการรู้แจ้งอารมณ์

ซึ่งวิถีจิต มีจิตเกิดหลายประเภทในวิถีจิตนั้น เช่น วิถีจิตทางปัญจทวาร ก็มีจิตหลายประเภท เมื่อภวังคจิตดับไปแล้ว เป็นปัจจัยให้วิถีจิตทางตาเกิดขึ้น

วิถีจิตที่ ๑ คือ อาวัชชนวิถี ได้แก่ จักขุทวารวัชชนจิต เกิดขึ้นทำกิจรำพึง คือรู้ว่ามีอารมณ์กระทบกับจักขุปสาทะ

วิถีจิตที่ ๒ คือ จักขุวิญญาณ เกิดขึ้นทำกิจเห็นซึ่งอารมณ์คือสี

วิถีจิตที่ ๓ คือ สัมปฏิจฉันนจิต เกิดขึ้นทำกิจรับอารมณ์ต่อจากจักขุวิญญาณ

วิถีจิตที่ ๔ คือ สันตีรณจิต พิจารณาอารมณ์

วิถีจิตที่ ๕ คือ โวฏฐัพพนจิต ทำกิจตัดสินอารมณ์ หมายความว่า เป็นจิตที่กระทำทางให้กุศลจิต หรือ อกุศลจิต หรือ กิริยาจิต (เฉพาะพระอรหันต์) เกิดต่อ

วิถีจิตที่ ๖ คือ ชวนวิถีจิต โดยศัพท์ “ชวนะ” แปลว่า แล่นไป คือ ไปอย่างเร็วในอารมณ์ด้วยกุศลจิตหรืออกุศลจิตหรือกิริยาจิต (เฉพาะพระอรหันต์)

วิถีจิตที่ ๗ คือ ตทาลัมพนวิถี หรือ ตทารัมมณวิถี ตทาลัมพนวิถีจิตเกิดขึ้นกระทำกิจรับรู้อารมณ์ต่อจากชวนวิถีจิต เมื่ออารมณ์นั้นยังไม่ดับไป

เพราะฉะนั้น วิบากจิตในวิถีทางปัญจทวาร คือ จักขุวิญญาณจิต จิตเห็น สัมปฏิจฉันนะ สันตีรณะ แต่ ชวนจิต ไม่เป็นวิบากจิต และจักขุทวารวัชชนจิต เป็นกิริยาจิต ไม่ใช่วิบากจิต

ส่วนทางมโนทวารวิถี

ทางมโนทวารนั้นเมื่ออารมณ์ไม่ได้กระทบกับจักขุปสาท เป็นต้น จึงไม่มีอตีตภวังค์ แต่ก่อนที่มโนทวาราวัชชนจิตจะรำพึงถึงอารมณ์ที่วิถีจิตรู้ทางปัญจทวารแล้วดับไปนั้น ภวังคจลนะจะต้องเกิดขึ้นไหวตามอารมณ์นั้นแล้วดับไป ภวังคจลนะ เป็นวิบากจิต แล้วภวังคุปัจเฉทะจึงเกิดขึ้นแล้วดับไป ภวังคุปัจเฉทะ เป็นวิบากจิต ต่อจากนั้นมโนทวาราวัชชนจิตจึงเกิดขึ้น เป็น มโนทวารวิถีจิตที่ ๑ จิตที่ทำอาวัชชนกิจทางมโนทวารนั้น ไม่ใช่ปัญจทวาราวัชชนจิต ปัญจทวาราวัชชนจิตทำอาวัชชนกิจได้ทางปัญจทวารเท่านั้น ทำอาวัชชนกิจทางมโนทวารไม่ได้เลย จิตที่ทำอาวัชชนกิจทางมโนทวารมี ๑ ดวง คือ มโนทวาราวัชชนจิต ทำกิจรำพึงถึงอารมณ์ทางมโนทวาร คือ นึกถึงอารมณ์ทางมโนทวาร ในวันหนึ่งๆ ที่คิดนึกเรื่องต่างๆ นั้น ขณะที่คิดนั้นจิตไม่รู้อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งทางตา หู จมูก ลิ้น กายเลย เมื่อภวังคจลนะเกิดขึ้นแล้วดับไป ภวังคุปัจเฉทะก็เกิดต่อแล้วดับไป แล้วมโนทวาราวัชชนจิตก็เกิดขึ้นเป็นมโนทวารวิถีจิตที่ ๑ มโนทวาราวัชชนจิตเป็นกิริยาจิต เมื่อมโนทวาราวัชชนจิตดับไปแล้ว สำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ กุศลจิต หรืออกุศลจิต ซึ่งเป็นชวนวิถีจิตก็เกิดดับสืบต่อซ้ำกัน โดยเป็นจิตประเภทเดียวกันทั้ง ๗ ขณะ แต่บางครั้ง ชวนจิตที่เป็นผลจิต ที่เป็นผลจิต ๔ โสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตถผล ชวนจิตเป็นชาติวิบาก เป็นวิบากจิต เมื่อกุศลชวนวิถีจิตหรืออกุศลชวนวิถีจิตดับไปแล้ว ถ้าเป็นอารมณ์ทางใจที่ปรากฏชัดเจน ตทาลัมพนวิถีจิตก็เกิดต่ออีก ๒ ขณะ ตทาลัมพนวิถีจิต เป็นจิตชาติวิบาก ภวังคจลนะ เป็นวิบากจิต ภวังคุปัจเฉทะ เป็นวิบากจิต

วิถีจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางมโนทวาร มี ๓ วิถี

-อาวัชชนวิถี (มโนทวาราวัชนจิต) ๑ ขณะ (กิริยาจิต)

-ชวนวิถี ๗ ขณะ (กุศล อกุศล วิบาก กิริยา)

-ตทาลัมพนวิถี ๒ ขณะ (วิบากจิต)

ดังนั้น วิถีจิตทางมโนทวารมีวิบากจิต แต่ไม่ใช่ วิบากที่เป็น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส ที่เกิดทางวิถีจิตทางปัญจทวารเท่านั้น แต่วิบากจิตประเภทอื่นเกิดได้ทางวิถีจิตทางมโนทวารครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วิริยะ
วันที่ 22 ส.ค. 2557

ขอเรียนถามความเห็นที่ 1 ต่อค่ะว่า สำหรับปุถุชน ชวนจิตทางมโนทวารอย่างไรเสียก็ต้องเป็นจิตชาติกุศลหรืออกุศลเท่านั้น ถูกต้องหรือไม่คะ และตฑาลัมพนจิตก็เป็นชาติวิบากไม่เปลี่ยนแปลงทั้งทางมโนทวารวิถีและปัญจทวารวิถี

ขอบพระคุณอย่างสูง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Pure.
วันที่ 22 ส.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับอาจารย์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 22 ส.ค. 2557

เรียนความเห็นที่ 2 ครับ

ถูกต้องครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 22 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง มีความละเอียดลึกซึ้งมาก ซึ่งจะต้องอาศัยการฟัง การศึกษาบ่อยๆ เนืองๆ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะสิ่งที่กำลังศึกษานั้น ก็คือ สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ แม้แต่ในเรื่องของจิต ก็เช่นเดียวกัน มีจริงอยู่ในขณะนี้ ทุกขณะของชีวิตก็คือจิตเกิดดับสืบต่อกันอย่างไม่ขาดสาย

จิต เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ เมื่อจำแนกเป็นประเภทใหญ่ๆ แล้ว มี ๒ ประเภท คือ จิตที่เป็นวิถีจิต (จิตที่อาศัยทวารหนึ่งทวารใดใน ๖ ทวารเกิดขึ้นรู้อารมณ์ คือ อาศัย ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ) และ จิตที่ไม่ใช่วิถีจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์โดยไม่ได้อาศัยทวาร ๖ เลย ซึ่งมีเพียง ๓ ประเภทเท่านั้น คือ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และ จุติจิต

สำหรับวิถีจิตทางมโนทวาร (จิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์โดยอาศัยมโนทวาร) ที่เป็นวิบากจิต นั้น ได้แก่ จิตที่เกิดขึ้นทำกิจตทาลัมพนะ (รับรู้อารมณ์ต่อจากชวนจิต) ตทาลัมพนจิตเท่านั้น ที่เป็นวิบากจิตอันเป็นวิถีจิตทางมโนทวาร ตามความเป็นจริงแล้ววิถีจิตทางมโนทวาร นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอกุศลจิต กุศลจิต และกิริยาจิต วิบากจิตมีน้อยมาก สำหรับกามาวจรจิต วิบากจิตที่เป็นวิถีจิตทางมโนทวาร มีเพียงตทาลัมพนจิต เท่านั้น ไม่มีจิตอื่น ครับ

ลำดับการเกิดขึ้นของวิถีจิตทางมโนทวารมี ๓ วิถี ดังนี้

@ ภวังคจลนะ ๑ ขณะ [ไม่ใช่วิถีจิต]

@ ภวังคุปัจเฉทะ ๑ ขณะ [ไม่ใช่วิถีจิต]

@ มโนทวาราวัชชนจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]

@ ชวนวิถี ๗ ขณะ คือ

-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]

-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]

-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]

-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]

-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]

-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]

-กุศลหรืออกุศลหรือกิริยาจิต ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต]

@ ตทาลัมพนวิถี ๒ ขณะ

-ตทาลัมพนะ ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต] เป็นวิบากจิต

-ตทาลัมพนะ ๑ ขณะ [เป็นวิถีจิต] เป็นวิบากจิต

ขอเชิญคลิกอ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ เพิ่มติมได้ที่นี่ครับ

วิถีจิตทางปัญจทวาร-วิถีจิตทางมโนทวาร

ส่วนในมรรควิถี วิถีจิตที่เกิดขึ้นทางมโนทวาร ที่เป็นวิบากจิต ก็คือ โลกุตตรวิบากจิต ซึ่งได้แก่ โสดาปัตติผลจิต สกทาคามิผลจิต อนาคามิผลจิต และ อรหัตตผลจิต อันเป็นวิบากจิตของพระอริยบุคคล ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 22 ส.ค. 2557

วิบากรับได้ 5 ทางที่เป็น เห็น ได้ยิน ทางปัญจทวาร ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วิริยะ
วันที่ 22 ส.ค. 2557

เรียนถามท่านผู้รู้เพิ่มเติมอีกสักนิดนะคะว่า ชวนวิถีจิตที่เป็นชาติวิบากคือ ผลทั้ง 4 อย่าง ที่ทำให้ดำรงความเป็นพระอริยบุคคลนั้น อยากทราบว่า ชวนจิตนั้นๆ เป็นชาติกิริยาเมื่อใดคะ เมื่อเป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุดคือเป็นพระอรหันต์ใช่หรือไม่คะ ชวนจิตของพระโสดาบัน พระสกทาคามีและพระอนาคามี ยังคงเป็นชาติวิบากอยู่ ต่อเมื่อชวนจิตท่านได้รับวิบากเป็นอรหัตผลแล้ว หลังจากนั้นชวนจิตของพระอรหันต์ก็จะเป็นชาติกิริยาไปตลอด เพราะไม่มีกุศล อกุศลใดๆ อีก ดิฉันเข้าใจถูกหรือไม่คะ

ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 22 ส.ค. 2557

เรียนความเห็นที่ 7 ครับ

ชวนจิตของผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ สามารถเป็นกุศล อกุศล วิบาก แต่ไม่ใช่กิริยา แต่พระอรหันต์ ชวนจิตของท่าน จะไม่เป็นกุศล อกุศล แต่เป็นกิริยาจิต และ วิบากจิต ได้ ถ้าท่านได้เข้าผลสมาบัติ เกิดอรหัตถผลจิต ที่ชวนจิต ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วิริยะ
วันที่ 23 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณท่านผู้รู้ทุกท่านค่ะ ต้องพยายามทำความเข้าใจกับคำว่าเข้าผลสมาบัติเสียก่อนค่ะ ตอนนี้ยังไม่เข้าใจว่าเข้าผลสมาบัติคืออะไร

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
peem
วันที่ 6 พ.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 6 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ