บันเทิงในธรรม ...ที่นครพนม

 
kanchana.c
วันที่  23 ธ.ค. 2557
หมายเลข  25950
อ่าน  2,240

วันที่ 16 – 18 ธ.ค. 2557 ท่านอาจารย์และคณะวิทยากร มศพ. ได้รับเชิญจากคุณชุติมันต์ พานิชศักดิ์พัฒนา และพี่สาว คือ คุณยชมน สุขปรุง ผู้พิพากษาสมทบ จ. นครพนม ท่านทั้ง สองเป็นชาวนครพนมโดยกำเนิด และเป็นสมาชิกบ้านธัมมะ ให้ไปสนทนาธรรมในโครงการ “เฉลิมพระชนมพรรษา 87 ปี” ที่ศาลเยาวชนและครอบครัว จ. นครพนม

เคยไปไหว้พระธาตุพนมมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่ยังไม่เคยไป อ. เมือง นครพนมเลย ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกและได้ไปพร้อมกับท่านอาจารย์เพื่อสนทนาธรรมด้วย จึงถือว่าเป็นมงคลของชีวิต อย่างยิ่ง เพราะจะได้มีโอกาสฟังธรรมพร้อมกับสมาชิกชมรมบ้านธัมมะจำนวนเกือบ 40 คนที่ ร่วมเดินทางไปพร้อมกัน และชาวนครพนมและจังหวัดใกล้เคียง (สกลนคร) ที่มาร่วมฟัง และ ถ้าฟังด้วยดีก็จะเข้าใจธรรมะเพิ่มขึ้น แต่ธรรมะทั้งหลายก็เป็นอนัตตาจริงๆ เพราะระหว่างฟัง ธรรม ภวังคจิตเกิดมากกว่าวิถีจิต (คือหลับมากกว่าตื่น อาจเป็นเพราะอากาศหนาวเย็นก็เป็นได้ แม้หลับก็เป็นธรรมะ แต่ไม่ได้ทำให้รู้อะไรเพิ่มขึ้นเลย เพราะขณะหลับทำกิจดำรงภพชาติของ ความเป็นบุคคลนี้เท่านั้น ยังดีที่เป็นเพียงภวังคจิต ยังไม่ใช่จุติจิต มิฉะนั้นจะเป็นบุคคลใหม่ ทันที ลืมเรื่องราวที่เคยเกิดในชาตินี้ทั้งหมด อย่าว่าแต่เล่าเรื่องเลย แม้แต่ชื่อตนเองก็จำไม่ได้) ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะเข้าใจธรรมะให้มากที่สุด เพราะเมื่อเข้าใจเป็นกุศลแล้ว จิตก็ผ่องใสเบาสบาย จะ เล่าอะไรก็น่าอ่านน่าติดตาม แต่เมื่อไม่ได้ฟังด้วยดี ปัญญาเลยไม่เกิด

เมื่อกลับมากรุงเทพ ตั้งใจจะเล่าการเดินทางครั้งนี้ทันที (เขียนให้เสร็จก่อนเดินทางไปเวียดนาม) ก็ทำไม่ได้ เพราะ ไม่มีธรรมะที่เข้าใจมาสอดแทรกข้อเขียนให้มีคุณค่า คุ้มกับการเสียเวลาอ่าน เหมือนแกงที่มี แต่น้ำกับต้นหอม ผักชี ไม่มีเครื่องปรุงหลัก ทำอย่างไรก็ไม่อร่อย หรือวิญญาณนักเขียนที่เคย สิงอยู่จะออกไปแล้ว ต้องเขียนด้วยตัวเอง เลยเขียนไม่ได้ เหมือนอย่างที่เคยแปลกใจตัวเอง ว่า ไม่เคยเขียนเรื่องยาวๆ มาก่อน แล้วอยู่ๆ เขียนได้อย่างไร ตอนนี้ก็แปลกใจอีกเหมือนกันว่า ทำไมถึงเขียนไม่ได้ คนใกล้ตัวนำคำบรรยายของท่านอาจารย์ที่จดไว้อย่างละเอียดเอามาให้ อ่าน ก็ไม่เหมือนฟังเข้าใจเอง เรื่องเล่าคราวนี้อาจจะไม่น่าสนใจ แต่ก็มีผลงานของน้องวันชัย ภู่งาม ที่กำลังจะเขียน “ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ นครพนม” ที่มีทั้งภาพและธรรมะมาให้ได้อ่านค่ะ (ตอนนี้เป็นนักเกี่ยง ไม่ใช่นักเขียน)

เมื่อถึงสนามบินนครพนม ด้วยความอนุเคราะห์ของท่านพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร จึงมีคณะ นายทหารพร้อมด้วยรถตู้ 2 คัน และรถนำขบวนไปรับท่านอาจารย์และพวกเราจากสนามบิน พาเข้าเมือง (ภายหลังท่านผู้การสนธยา ฯ ท่านบอกว่า ท่านอาจารย์มาทำประโยชน์แก่ชาว นครพนม จึงยินดีบริการให้ความสะดวกอยู่แล้ว) และมีผู้พิพากษาสมทบมาต้อนรับด้วย จากสนามบินซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปเกือบ 20 กม. มารับประทานอาหารกลางวันเป็นอาหาร เวียดนามที่ขึ้นชื่อของนครพนม และแวะพักผ่อนที่โรงแรมโขงภูหมอก ที่อยู่ริมแม่น้ำโขง เห็น ทิวเขาจากฝั่งประเทศลาว ทอดยาว รูปร่างแปลกตาสวยงาม และในตอนเช้าได้เห็นหมอก จึง เป็นที่มาของชื่อโรงแรม โขง ภู หมอก คนนครพนมบอกด้วยความภูมิใจว่า ภูเขาเป็นของ ประเทศลาว แต่วิวทิวทัศน์สวยงามเป็นของประเทศไทย ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นของใครเลย เป็น เพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีตาเสียอย่างเดียว อะไรๆ ก็ไม่ปรากฏให้เห็นได้เลย (ไชโย มีธรรมะหน่อยหนึ่งแล้ว)

ก่อนถึงเวลาสนทนาธรรม เดินตามหลังท่านอาจารย์เข้าห้องประชุมที่จัดไว้ สุภาพสตรีท่าน หนึ่งกราบท่านอาจารย์ด้วยความซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ เธอบอกว่า ฟังเสียงท่านอาจารย์มา นาน12 ปีแล้ว ยังไม่เคยตัวจริง วันนี้จึงตั้งใจมาเพื่อกราบท่านอาจารย์โดยเฉพาะ เธอเป็นคน นครพนม แต่อยู่ต่างอำเภอที่ห่างไป 100 กว่ากิโล เธอรับฟังจากสถานียานเกราะ สกลนคร เห็นผลของกุศลที่ทำไว้แล้วไหมคะ อยู่ห่างไกลแค่ไหน ถ้าเคยฟัง เคยมีศรัทธา เพียงได้ยิน เสียงก็ติดตามฟังอย่างต่อเนื่องจนเข้าใจเพิ่มขึ้นได้ จึงไม่ควรประมาท เมื่อมีโอกาสได้ฟัง ก็ ควรฟังด้วยดี ไม่คิดเรื่องอื่น หรือหลับเสีย แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะหลับก็หลับแล้ว เกิดแล้ว ดับแล้ว ใครจะทำอะไรกับสิ่งที่เกิดแล้ว ดับไป ไม่เหลือเลยได้ ลืมอีกแล้วว่า ทุกอย่างเป็น ธรรมะและไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ไม่ใช่เราจะทำหรือไม่ทำอะไรได้ เพราะเกิดขึ้นแล้ว ดับแล้ว จึงรู้ว่า เราได้หลับหรือตื่นไปแล้ว

การสนทนาธรรมครั้งนี้ทำเป็นพิธีการ คือ มีการกล่าวเปิดงานโดยหัวหน้าศาลเยาวชนและ ครอบครัว นครพนม ที่ยังเด็กมากและสวยด้วย คือ ท่านฉันทนา ชมพานิชย์ และรองหัวหน้า ศาล ท่านสรายุทธ อุดมพร เพราะเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ท่านอาจารย์กล่าวในการสนทนาธรรมว่า การเฉลิมพระเกียรติ ในหลวงที่ดีที่สุด คือ เป็นคนดีและศึกษาพระธรรม

จบการสนทนาธรรมตอนบ่ายสี่โมงครึ่ง คณะนายทหารได้พานั่งรถตู้ไปชมสะพานมิตรภาพไทย ลาวแห่งที่ 3 ที่สร้างโดยเงินไทยทั้งหมด เป็นสะพานที่สวยงามมาก มีอาคาร เสาไฟที่มี สัญลักษณ์พระธาตุพนม สะพานนี้ข้ามไปท่าแขก แขวงคำม่วนของประเทศลาว และพาไป เหยียบประเทศลาว ถ่ายภาพพร้อมกัน ดูสะพานเสร็จแล้ว ท่านจิ๋ง ภรณี ดวงฉ่ำ ผู้พิพากษา สมทบที่มาดูแลพวกเราพาไปอาหารเย็นที่ร้านริมโขง ชื่อ พัก พิง อิง โขง เป็นอาหารปลาและ อีสานที่อร่อยมาก

ได้คุยกับท่านจิ๋ง เธอมีความเป็นเพื่อน ยินดีช่วยเหลือบริการทุกอย่าง น่ารักมาก เธอเป็นคริสต์ เมื่อพูดกับเธอว่า จิตไม่ใช่ของเรา จิตเกิดแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีก จะเป็นของใครได้อย่างไร จิตคือสภาพรู้ อย่างเห็นเป็นสภาพรู้โดยอาศัยตา คนตายแล้วไม่เห็น เพราะคนตายแล้วไม่มีจิต เห็นเกิดขึ้นเห็นแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาเห็นอย่างเดิมอีก

เธอบอกว่า ไม่เคยได้ยินอย่างนี้มาก่อนเลย พวกเราที่นั่งร่วมโต๊ะช่วยกันอธิบายให้เธอฟังเกือบ ทุกคน รวมทั้งพี่จี๊ดด้วย ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะแต่ละท่านฟังธรรมมานาน แต่ไม่มีโอกาสได้ สนทนากัน เมื่อพูดออกมาก็ทำให้รู้ว่า สิ่งที่ฟังแล้วไม่ได้หายไปไหน เข้าใจกันดีแล้วทุกคน เพียงแต่จะพูดออกมาหรือไม่เท่านั้นเอง คนใกล้ตัวสรุปว่า สิ่งที่พูดมานี้เป็นความจริงกับทุกคน ไม่เกี่ยวกับศาสนาหรือเชื้อชาติ คือ มีเพียงสภาพรู้ (ได้แก่ จิตและเจตสิก) และสภาพที่ไม่ สามารถรู้ได้ (คือ รูป) ที่เกิดทำกิจหน้าที่ของตนแล้วก็ดับไปทันที ไม่กลับมาอีกเลย จึงไม่ใช่ สิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล เป็นเพียงธรรมะแต่ละหนึ่ง เท่านั้น พวกเราได้สนทนาธรรมกับท่านจิ๋ง รู้สึกเบาสบาย (ตัวเรา) สำหรับท่านจิ๋งเป็นอย่างไร ไม่ทราบ พบกันตอนเช้าบอกว่า นอนไม่หลับทั้งคืน ทั้งๆ ที่เป็นคนนอนง่าย ไม่มีโอกาสซักถาม ว่า เนื่องจากการสนทนาเมื่อคืนที่มีคนช่วยกันอธิบายมากไปจนงงทำให้นอนไม่หลับหรือเปล่า

วันรุ่งขึ้นตื่นแต่เช้าเพื่อชมพระอาทิตย์ริมโขงอากาศหนาวเย็น ลมแม่น้ำพัดแรง แสนสบาย เรา ลืมตัวไปว่าอายุมากแล้ว เห็นคุณแอนถีบจักรยานเลียบริมโขง น่าสนุก จึงไปเช่าจักรยานมาถีบ บ้าง แต่ไม่ได้ถีบมาหลายสิบปีแล้ว พอออกถนนเห็นรถยนต์สวนมา ก็หวาดเสียว ต้องเดินจูง จักรยานกลับโรงแรม ทำให้มีรูปกำลังเดินจูงจักรยานสวนทางกับพระเอกที่อยู่บนจักรยาน เป็น ซีรีส์เกาหลีตอนพระเอกนางเอกแก่แล้ว

วันนี้สนทนาธรรมทั้งวัน มีคำถามจากผู้ฟังหลายท่าน แม้ว่าผู้ฟังส่วนใหญ่จะเป็นพวกเรา ที่มา จากกรุงเทพ แต่ผู้ฟังจากนครพนมก็เป็นคนยอมรับความจริง เมื่อถามถึงการปฏิบัติธรรมด้วย การนั่งสมาธิ เดินจงกรม ฯลฯ ท่านอาจารย์ตอบว่า การปฏิบัติธรรม คือ การเข้าใจพระธรรม คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วความเข้าใจนั้นทำกิจระลึกรู้เฉพาะลักษณะของ สภาพธรรมะที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ไม่มีใครปฏิบัติธรรม มีแต่ปัญญา หรือความเข้าใจทำกิจ ของปัญญา ผู้ฟังก็ยอมรับว่า ถ้าอย่างนั้นที่ทำๆ กันอยู่ก็ผิดทั้งหมด

ตอนเย็นนั่งเรือชมแม่น้ำโขง ข้ามไปทางฝั่งลาวเพื่อเห็นทิวทัศน์เมืองไทยที่สว่างไสวด้วยแสง ไฟจากตึกรามบ้านช่องใหญ่โตริมแม่น้ำ ผิดกับทางฝั่งลาวที่มีต้นไม้ ภูเขา เป็นธรรมชาติ สวยงามไปคนละแบบ คนลาวอาจจะบอกว่า ตึกรามบ้านช่องที่เปิดไฟสว่างไสวเป็นของคน ไทย (ที่ต้องเสียค่าไฟฟ้าด้วย) แต่แสงไฟที่เห็นสวยงามนั้นเป็นของคนลาว (ไม่ต้องเสียเงินค่า ไฟ) ส่วนไทยได้ดูแต่ภูเขาที่เห็นได้เฉพาะเวลากลางวัน ลาวไม่ต้องเสียค่าไฟ แสดงว่าลาวได้ กำไรไทย นี่ก็เป็นธรรมะคือจิตที่คิดแต่ละคำเท่านั้นเอง

วันนี้ไปทานอาหารเย็นที่ร้านเมอแรงค์ เป็นอาหารเวียดนาม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและรอง พร้อมกับท่านจิ๋ง ที่พาพวกเราลงเรือชมแม่น้ำโขง ไปร่วมรับประทานด้วย ได้คุยกันอย่าง ออกรส เพลิดเพลิน จนคนอื่นเดินกลับไปโรงแรมแล้ว จึงได้นั่งรถกลับ เสียดายที่มีเวลาน้อยจึง ไม่ได้คุยธรรมะกับท่านผู้พิพากษาทั้งสองที่เป็นคนฉลาดและมีอุปนิสัยอ่อนโยน เป็นมิตร มี คุณธรรม รู้สึกเอ็นดูเหมือนเป็นญาติสนิท จนอยากให้ท่านได้ศึกษาธรรมะด้วย ซึ่งความเข้าใจ ธรรมะเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต เป็นอริยทรัพย์ที่จะติดตามไปทุกขณะจิต ทั้งในชาตินี้และชาติ ต่อๆ ไป

วันสุดท้ายไปไหว้พระธาตุพนมที่อยู่ อ. ธาตุพนม ห่าง อ.เมือง ไป 50 กม. ประวัติพระธาตุพนม ที่กล่าวไว้ใน Wikipedia มีว่า (แต่ไม่ปรากฏในอรรถกถา) ท่านพระมหากัสสปะได้นำพระอุรัง คธาตุมาบรรจุไว้

พระธาตุพนมสวยงามสมเป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ สร้างด้วยศรัทธาของชาวพุทธไทยและลาว บนยอดเจดีย์เป็น ทองคำแท้บริสุทธิ์หนัก 110 กก. อนุศาสนาจารย์ทหารบกที่มาดูแล จัดหาผ้าสีเหลืองทองให้ พวกเราเขียนชื่อ เดินเวียนประทักษิณ 3 รอบ แล้วนำไปห่มรอบพระธาตุเจดีย์ ทำให้นึกถึงเมื่อ ไปอินเดีย น้องเต้ยผู้มีอัธยาศัยในการห่มผ้าพระเจดีย์ ได้จัดให้พวกเราได้เจริญกุศลในส่วนนี้ ขออนุโมทนาน้องเต้ยค่ะ หลังจากนั้นผู้การสนทยา (พลตรีสนทยา ศรีเจริญ ผู้บัญชาการ จังหวัดทหารบกนครพนม) ที่มาต้อนรับพาพวกสุภาพบุรุษเข้าไปนมัสการด้านในพระเจดีย์ (ผู้ หญิงห้ามเข้า แต่ไม่ว่ากันค่ะ เพราะธรรมเนียมประเพณีที่ถือปฏิบัติเคยทำกันอย่างไรก็เป็น อย่างนั้น) ท่านสุภาพบุรุษได้ถ่ายภาพภายในที่สวยงามอลังการด้วยรัตนชาติต่างๆ ที่ผู้มีศรัทธา นำมาประดับตบแต่งมาให้ดู ทรัพย์เหล่านี้เกิดจากผลของกุศลของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ เจ้า ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีถึง ๔ อสงไขยแสนกัป ทรัพย์สมบัติของพระพุทธศาสนาจึง มากมายมหาศาล แต่ก็ยังไม่น่าอัศจรรย์เท่ากับอริยทรัพย์ที่ทำให้ผู้ศึกษาประพฤติปฏิบัติตาม คำสอนของพระองค์พ้นจากทุกข์ที่มีมากมายในสังสารวัฏ ไม่ต้องเกิดอีกเลย

นั่งรอคณะสุภาพบุรุษเข้าไปนมัสการข้างใน พวกเรานั่งกราบพระธาตุอยู่ข้างนอก ลมพัดเย็น ผ้าที่ห่มพระเจดีย์ปลิวไสว เกิดคิดขึ้นมาขณะหนึ่งว่า เป็นธรรมะที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แม้ เพราะเหตุนี้พระองค์จึงทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

นโม ตัสสะ ภวคโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมต่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 23 ธ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า

"...การปฏิบัติธรรม

คือ การเข้าใจพระธรรมคำสอน ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

แล้วความเข้าใจนั้น ทำกิจระลึกรู้เฉพาะลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้

ไม่มีใครปฏิบัติธรรม มีแต่ปัญญา หรือ ความเข้าใจ ทำกิจของปัญญา..."

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดง (พลอากาศตรีหญิงกาญจนา เชื้อทอง)

สำหรับเรื่องเล่า ที่ใครก็เล่าได้ไม่เหมือนนะครับ

"บันเทิงในธรรม...ที่นครพนม"

เป็น ครั้งหนึ่ง ที่ประทับใจมากๆ ครับ

ขอบพระคุณบุญที่ได้กระทำไว้แต่ปางก่อน ที่ให้ได้ไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์ในครั้งนี้

ขอบพระคุณกัลยาณมิตรทุกๆ ท่าน สำหรับการเดินทางอันอบอุ่นด้วยกัน

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Boonyavee
วันที่ 23 ธ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของคุณแม่ เป็นอย่างยิ่งค่ะ เรื่องราวสนุกชวนให้น่าติดตามเสมอ

ขอบคุณตากล้องที่ถ่ายภาพประกอบคู่ขวัญซีรีส์ มุมน่ารักๆ ด้วยค่า

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านที่ร่วมเดินทางและเจริญกุศลครั้งนี้ด้วยคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
siraya
วันที่ 24 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 24 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wirat.k
วันที่ 24 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 24 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
napachant
วันที่ 24 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
papon
วันที่ 24 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
khampan.a
วันที่ 25 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เรือนแก้ว
วันที่ 25 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ch.
วันที่ 25 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
รู้จบลงที่รู้
วันที่ 28 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
wannee.s
วันที่ 4 ม.ค. 2558

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ