การเป็นพระโสดาบัน การละสักกายทิฏฐิ

 
verajakjidamane
วันที่  27 มี.ค. 2558
หมายเลข  26394
อ่าน  2,803

ขอข้อแนะนำการละสักกายทิฏฐิในการเป็นพระโสดาบันหน่อยครับรายละเอียดนะครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 27 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สักกายทิฏฐิ เป็นความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรม คือ ขันธ์ ๕ ว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นเรา เป็นของเรา ซึ่งผิดไปจากความเป็นจริงของสภาพธรรม (ตามที่คุณนิรมิตได้แสดงความคิดเห็นมา) ขึ้นชื่อว่าความเห็นผิดแล้ว (มิจฉาทิฏฐิ) เป็นสภาพธรรมที่เห็นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ไม่ตรงตามความเป็นจริง แม้แต่ความเห็นผิดที่เป็นสักกายทิฏฐิ ก็เช่นเดียวกัน เป็นความเห็นผิดประการหนึ่ง ที่เห็นผิดในสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ว่าเป็นตัวตนเป็นสัตว์เป็นบุคคล และยังครอบคลุมถึงเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วย

เพราะแท้ที่จริงแล้ว ธรรม เป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้น แต่เพราะยังไม่ได้ดับความเห็นผิดได้อย่างเด็ดขาด ยังมีพืชเชื้อของความเห็นผิดอยู่ ความเห็นผิดประเภทนี้ ก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้ เพราะตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล ก็ยังไม่สามารถดับความเห็นผิดใดๆ ได้เลย ความเห็นผิดทุกประการจะถูกดับได้อย่างหมดสิ้น เมื่อรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบัน

ตามที่กล่าวแล้ว พระโสดาบันย่อมละ สักกายทิฏฐิ ได้ ก็ต้องเข้าใจว่า สักกายทิฏฐิ มุ่งหมายถึง กิเลสที่เป็นทิฏฐิเจตสิก ที่เป็นความเห็นผิดว่ามีเรา มีสัตว์บุคคล แต่ไม่ใช่ราคะ โลภะ ที่เป็นความยินดี ติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส เพราะราคะ เหล่านั้น จะดับได้ ด้วยความเป็นพระอนาคามี กิเลสจึงต้องละไปตามลำดับ ละสักกายทิฏฐิก่อน และ จึงจะละราคะ ความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น เป็นต้น ได้ครับ

พระอริยบุคคล ผู้ที่เป็นพระโสดาบัน มีนางวิสาขาอุบาสิกา เป็นต้น ก็แต่งตัวสวยงาม ยินดี เกิด โลภะ ราคะ ในรูป เสียง เป็นต้นได้เป็นธรรมดา แต่ ท่านไม่ยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล ซึ่งหนทางการละสักกายทิฏฐิ คือ การเจริญอบรมปัญญาระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากการฟัง ศึกษาพระธรรมในเรื่องสภาพธรรมอย่างยาวนาน ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
verajakjidamane
วันที่ 27 มี.ค. 2558

การละคือการละขันธ์ ๕ หรือแค่กายอันเป็นที่ประชุมของมหาภูตทั้ง ๔ เพราะถ้าละเวทนาในขันธ์ ๕ ก็จะไม่มีสวย ไม่สวย ชอบ ไม่ชอบ แต่พระโสดาบันยังมีรัก โลภ โกรธ หลงอยู่เพียงแต่อยู่ในขอบเขตของศีล ยังมีสามี ภรรยา พระโสดาบันไม่เห็นผิดว่าเป็นตัวเป็นตน แต่ท่านจะเห็นแค่ว่าเป็นอนัตตา ไม่เที่ยง ไม่มีคน ไม่มีสัตว์เป็นเพียงสภาพธรรมเท่านั้น

ขอเมตตาให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ด้วยครับ เพราะถ้าละขันธ์ ๕ ได้เวทนาคือชอบไม่ชอบ เฉยๆ ก็ละได้ ก็จะไม่มีสามี ภรรยาใช่ใหมครับรัก ไม่รักก็จะไม่มี แต่ถ้าแค่ละการเห็นผิดว่ามีตัวมีตน มาเห็นถูกว่าเป็นอนัตตาไม่เที่ยงไม่มีตัวไม่มีตน เวทนาก็ยังมีความรักก็มีได้ คือชอบ ไม่ชอบ ครับ

ขอเมตตาอธิบายให้เข้าใจหน่อยนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 27 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เรียน ความคิดเห็นที่ 2 ครับ

พระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลขั้นต้น ดับกิเลสได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ยังไม่สามารถดับกิเลสได้หมดสิ้น เพราะผู้ที่ดับกิเลสได้หมดสิ้นต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น พระโสดาบันยังมีความรัก ความติดข้อง ยังมีความขุ่นเคืองใจ ยังมีอวิชชา แต่จะไม่มีกำลังถึงขั้นล่วงเป็นทุจริตกรรม เพราะท่านดับกิเลสอย่างหยาบได้แล้ว ดังนั้น พระโสดาบัน ยังมีภรรยา มีสามี ตามการสะสมของท่าน แต่ท่านจะไม่มีความเห็นผิดในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าสภาพธรรมใดจะเกิดปรากฏก็ตาม ซึ่งก็คือ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เป็นขันธ์แต่ละขันธ์ นั่นเอง และก็ต้องเข้าใจต่อไปว่า ผู้ที่จะดับความติดข้องยินดีพอใจในกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะได้ นั้น ต้องถึงความเป็นพระอนาคามี

ที่จะเป็นประโยชน์ในเบื้องต้น คือ ทุกขณะมีแต่ธรรมเกิดขึ้นเป็นไปเท่านั้น ไม่มีเรา ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน กล่าวได้ว่า ไม่มีตัวเราแทรกอยู่ในจิต เจตสิก และรูปเลย มีแต่ธรรมแต่ละอย่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย แล้วก็ดับไป ซึ่งจะต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ เพิ่มพูนความมั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรมยิ่งขึ้นครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
verajakjidamane
วันที่ 27 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ อนุโมทนา สาธุครับ ขอท่านเจริญในธรรมสูงๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปครับ. สาธุ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผู้มีความประมาท
วันที่ 3 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 6 เม.ย. 2558

การละสักกายทิฏฐิ ขั้นแรกก็ต้องอาศัยการฟังธรรมของสัตบุรุษ การพิจารณาธรรมที่ได้ยินได้ฟัง จนกว่าสัญญาความจำที่มั่นคงในสภาพธรรมว่าไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 11 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Jarunee.A
วันที่ 16 ธ.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ