ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๕ ดาลัด]

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  25 พ.ค. 2558
หมายเลข  26572
อ่าน  1,898

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

.........

คำปรารภ

จากความตั้งใจเดิม ที่จะทำการรายงาน (สด) การสนทนาธรรมและกิจกรรมต่างๆ ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และคณะฯ ที่เดินทางไปสนทนาและเผยแพร่พระธรรม ตามคำเชิญของ ชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม ระหว่าง วันที่ ๑๐ - ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ นั้น ด้วยข้อจำกัดหลายประการ จึงทำได้เพียงถึงวันที่ ๔ ของการเดินทางเท่านั้นตามลิงค์ด้านล่าง...

ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑]

ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๒]

ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๓]

ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๔]

ขณะนี้ ท่านอาจารย์และคณะฯ ได้เสร็จสิ้นจากภารกิจดังกล่าวแล้ว ด้วยความงดงามยิ่ง และได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย เมื่อตอนเย็นของวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งข้าพเจ้าจะค่อยๆ นำเสนอภาพและกิจกรรมในแต่ละวันจนจบ ในอันดับต่อไปนะครับ และต่อไปนี้เป็นภาพและวีดีโอประกอบกับข้อความบางตอนของการสนทนาธรรม เมื่อช่วงเช้าของวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ที่พี่แดง (พล.อ.ต.กาญจนา เชื้อทอง) ได้กรุณาถอดความไว้ให้มาประกอบ เช่นเคย ครับ หลังการรับประทานอาหารกลางวัน ตอนบ่าย ท่านอาจารย์เดินทางไปเยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักท่านหนึ่ง ที่บ้านพักกลางเมืองดาลัด ซึ่งได้นำลงรายละเอียดไว้แล้วในกระทู้ซึ่งท่านสามารถติดตามได้จากลิงค์ด้านล่าง จำนวนทั้งสิ้น ๒ ตอน และ จะได้นำลงตอนที่ ๓ [ตอนจบ] เร็วๆ นี้ นะครับ

ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘

อันเนื่องมาจากการเดินทางไปเยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม

ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

.........

สนทนาธรรมที่ K'Lan Eco Resort ดาลัด วันที่สี่

(๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

.........

ถาม ถ้าไม่มีใครถือศีล ที่ถูกควรเป็นอย่างไร?

ท่านอาจารย์ ทรงแสดงให้เข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกขณะเป็นธรรม ไม่มีใคร ถ้าไม่อย่างนั้น จะไม่เข้าใจคำสอน ถ้ายังไม่รู้ว่า ศีลคืออะไร ก็จะไม่เข้าใจ ถ้าไม่จิต เจตสิก รูป จะมีศีลไหม? "ศีล" จึงไม่ใช่สิ่งที่ใครจะทำตามโดยไม่เข้าใจ เพราะไม่มีใคร ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงคำสอนได้ ศีลคืออะไร? รูปไม่ใช่ศีล ขณะนี้มีศีลไหม?

ซาร่าห์ เมื่อกี้ผู้ฟังแสดงความเคารพภิกษุและอาจารย์ เป็นกุศลศีล จริงๆ แล้ว "ศีล" หมายถึง ความประพฤติทางกาย วาจา มีทั้งดี และ เลว แต่จะกล่าวเฉพาะที่ดี การเคารพ คือ อะไร? เป็นเพียงจิต เจตสิก รูป ไม่ใช่ความประพฤติของเราดี หรือ ของใครดี แต่เป็นจิต เจตสิก รูปดีที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เมื่อเข้าใจเพิ่มขึ้น ก็มั่นคงว่าเป็นธรรมะ ที่ไม่ใช่ใคร !! "ศีล" เป็นทั้งข้อห้ามไม่ให้กระทำสิ่งที่ไม่ดีทางกาย วาจา เช่น ไม่พูดปด ขณะที่งดเว้นการพูดปดก็เป็นกุศลศีล

จอน ขณะที่วิรัติทุจริตทางกาย วาจา ก็เป็นกุศล มีเหตุหลายประการ ที่ทำให้วิรัติทุจริต เช่น กลัวผลของบาป เจตนาวิรัติทุจริต เป็นขณะที่เป็นกุศล เช่น ไม่ตบยุง หรือ หยิบของคนอื่น

ถาม ถ้าบางคนถือศีล 5 แต่เป็นชาวประมง ในฐานะชาวพุทธควรทำอย่างไร?

ท่านอาจารย์ ต้องเข้าใจคำสอนว่า ไม่ใช่ใคร เมื่อเข้าใจว่าศีลคืออะไรแล้ว ก็จะรู้ว่าขณะไหนเป็นศีลและไม่ใช่ !! "ศีล" คือ ความประพฤติของจิต เจตสิก เป็นเหตุให้กระทำทางกาย วาจาในชีวิตประจำวัน ในพระไตรปิฏกมี 3 กุศลศีล อกุศล อัพยากตศีล รูป นิพพาน วิบากจิตเป็นอัพยากตะ และสำหรับพระอรหันต์เป็นอัพยากตะ เหตุที่ทำให้กาย วาจา เป็นอกุศล เป็นอกุศลศีล ไม่ว่าจะเป็นชาวประมงหรือใครก็ตาม เพราะเป็นธรรมะ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ต้องฟังให้เข้าใจ จนเป็นความเข้าใจของตนเอง ไม่ถามใครว่า เป็นกุศลหรือไม่? พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถตอบปัญหาทั้งหมดได้

ทุกวันนี้คนอาจคิดว่า ศึกษาคำสอนโดยฟัง อ่าน จำ แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของท่านที่บำเพ็ญพระบารมีมายาวนาน และทรงแสดงธรรมถึง 45 พรรษา ถ้าศึกษาเข้าใจ จะเห็นพระมหากรุณาคุณ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ ที่ทรงแสดงความจริงว่า ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่มีใคร นอกจากธรรมะที่เกิดปรากฏ เพราะเหตุปัจจัย ถ้าใครไม่ได้ศึกษาคำสอน ก็จะเข้าใจสภาพธรรมผิดจากความเป็นจริง เมื่อเป็นสัจญาณ ก็จะมั่นคงว่า ธรรมะทั้งหมดเป็นอนัตตา ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าเข้าใจความจริงแล้ว ถ้ายังไม่ได้ฟังคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ถาม ถ้าเจตนามีสติได้ไหม

ท่านอาจารย์ เจตนาเป็นมรรคมีองค์ 8 หรือไม่? ไม่ !! เจตนาเป็นได้ทั้งกุศล อกุศล และอัพยากตะ ถูกไหมที่ตั้งใจระลึกรู้? นั่นแสดงยังไม่เข้าใจคำสอน "สัมมาสติ" คือ อะไร? จะมีกุศลเจตนาได้ ถ้าสะสมพอ สัมมาสติในมรรคมีองค์ 8 ต้องมีระดับสูงกว่าธรรมดา สัมมาสติเกิดจากสัจจญาณ ไม่ใช่จากเจตนา !!!

จอน กุศลเจตนากับเจตนาทำกุศล เหมือนกันไหม?

ผู้ถาม ไม่เหมือนกัน เช่น เมื่อนั่งแล้วระลึกรู้แข็ง เป็นกุศลเจตนาหรือไม่?

จอน ขึ้นกับเหตุปัจจัย ควรศึกษาเพิ่มขึ้นเพื่อเข้าใจมากขึ้น

ถาม อธิบายสติระดับต่างๆ

ท่านอาจารย์ ขณะนี้มีสติไหม? อะไรเป็นอารมณ์ของสติขณะนี้?

ตอบ บัญญัติ

ท่านอาจารย์ อย่างนั้นยังไม่ใช่ สติปัฏฐาน

ถาม เจตนาที่จะมีสติ ผิดอย่างไร? ช่วยอธิบาย สติตามปกติระลึกน้อยมากในแต่ละวัน

ซาร่าห์ ถ้าอยากมีสติมากๆ ก็เป็นตัวตนที่ติดข้อง ต่างกับขณะที่สติระลึกตามปกติ เหมือนกับตั้งใจรักษาศีล ก็เป็นตัวตน ต่างกับขณะที่วิรัติ ขณะนั้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ตามปกติ ที่รู้ว่าอะไรเป็นกุศล อกุศล พระอรหันต์ไม่ต้องวิรัติ เพราะไม่มีทั้งกุศลและอกุศล

จอน สติที่เกิดตามปกติน้อยมาก จึงต้องอดทน และมีศรัทธาในคำสอน ไม่อย่างนั้นก็จะไปทำให้สติระลึก ซึ่งเป็นความเห็นผิด

ถาม เจตนาระลึก หรือพยายามระลึก

ซาร่าห์ เป็นความเห็นผิดที่จะสะสมต่อไป จนเป็นนิสัย เหมือนดื่มสุราจนติด ขณะที่เป็นกุศล ขณะนั้นมีสติแล้ว ขณะฟังและพิจารณาจนเข้าใจว่าไม่มีตัวตน ก็เป็นสติอีกขั้นหนึ่ง ต้องเข้าใจว่า อะไรเป็นเหตุที่ถูกจะนำไปสู่ผลที่ถูก การเข้าใจว่าเป็นธรรมะ ไม่มีตัวตน เป็นเหตุที่ถูกนำไปสู่ผลที่ถูก บางคนคิดว่าไปสำนัก จะทำให้เข้าใจคำสอน นั่นไม่ใช่เหตุที่ถูก แต่ความเข้าใจถูก ต้องสะสมมาจากชาติก่อนๆ ด้วย "สัมมาทิฏฐิ" ต้องสะสมมาแต่อดีต ไม่ใช่เฉพาะในชาตินี้ เข้าใจเดี๋ยวนี้ว่า เป็นธรรมะ ก็จะสะสมต่อไปในอนาคตด้วย และต้องระลึกรู้เดี๋ยวนี้ !!! อย่างที่อาจารย์ถามว่า ขณะนี้เป็นกุศลศีล หรืออกุศล หรืออัพยากตะ

ท่านอาจารย์ จะเห็นว่า การฟังและพิจารณา ว่าไม่ใช่ตัวตน จะละคลายความติดข้องในสัตว์ บุคคล ตัวตน บางชาติเกิดเป็นพระราชา บางชาติเกิดเป็นขอทาน เป็นครั้งหนึ่งในสังสารวัฏ ไม่นานเลย ชาติหน้าอาจจะเป็นเดี๋ยวนี้ หรือพรุ่งนี้!!! แต่สภาพธรรมยังไม่หยุดเกิดดับ ยังคงเกิดต่อไปในสังสาระ กุศลและอกุศลที่สะสมมา ไม่หายไปไหน สะสมอยู่ในจิตทุกขณะ ทุกชาติ "ความเข้าใจธรรมะ" ก็เช่นเดียวกัน เห็นเกิดแล้วดับ ไม่กลับมาอีกเลย เช่นเดียวกับขณะอื่นๆ ทุกคนไม่อยากมีอกุศล แต่ก็ห้ามไม่ได้ สิ่งที่มีค่าที่สุดไม่ว่าในโลกไหนๆ คือ ความเข้าใจธรรมะเดี๋ยวนี้!!! ไม่ควรสนใจว่ามีสติมากหรือน้อย ถ้าเข้าใจแล้ว "สัมมาสติ" ก็เกิดได้ตามปกติ

ถาม จำเป็นไหม? ว่าต้องศึกษาคำสอนของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เราศึกษาก็ยังผิดทาง

ท่านอาจารย์ ไม่จำเป็นต้องรอจนสัมมาสติเกิด เพราะเหตุปัจจัยยังไม่สมบูรณ์ เริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง ที่ฟังเข้าใจ เพราะมีเหตุปัจจัยให้อกุศลเกิดมากกว่ากุศล ไม่ต้องหวังว่าสัมมาสติจะเกิด ถ้า "หวัง" เป็นเครื่องเนิ่นช้า เห็นเกิดแล้วดับทันที หลังจากนั้นก็ติดข้องด้วย "ความไม่รู้" ต่อไปอีก ปกติไม่รู้สภาพรู้ที่เกิดทุกขณะ เห็น ได้ยิน คิด ว่า ไม่มีใครเห็น มีแต่จิตเจตสิกรูปเกิด แต่เพราะไม่รู้ จึงเป็นเรื่องราวตลอดเวลา เป็นคนเกิด คนตาย จริงๆ แล้ว เป็นจิตเจตสิกที่เกิด ตาย จริงๆ แล้ว ธรรมะเกิดแล้วดับทันที จึง "ไม่มีเรา"

จะเห็นพระมหากรุณาคุณที่ยิ่งใหญ่ พุทธานุสติ ระลึกถึงคุณ ขณะที่เข้าใจคำสอน ขณะนั้นเป็นพุทธาสติ ไม่มีใคร!! ถ้าไม่เข้าใจคำสอน จะมีพุทธานุสติไหม? เมื่อเข้าใจมากขึ้น ก็เข้าใกล้พระพุทธเจ้ามากขึ้น เข้าใจแต่ละขณะไม่ใช่ใคร นอกจากธรรมะที่เกิดดับ ถ้ายังฟังไม่พอ พิจารณาไม่พอ ก็ยังไม่เข้าใจ มีอะไรเป็นของใครบ้าง? นอกจาก "ความคิด" ว่า เป็นเรา เป็นของเรา

ถาม ที่กล่าวว่า เหตุผิดนำไปสู่ที่ผิด ตอนนี้ได้ฟังธรรมที่ถูก คงจะนำไปสู่ผลที่ถูก

ซาร่าห์ ขณะที่ปฏิบัติผิด และมีความเห็นผิด ไม่มีประโยชน์ ขณะที่เป็นกุศล สามารถนำไปสู่ความเห็นถูกได้ ขณะนี้ อะไรเป็นเหตุถูก ไม่ใช่ความพยายาม เป็นกุศล เพราะ "พยายาม" ไม่ได้!!! ขณะนี้ ทุกอย่างเป็นธรรมะที่ไม่เที่ยง ดับไปทั้งหมด ไม่มีอะไรเหลือ เราเชื่อว่า ตายแล้วเกิด พร้อมที่จะจากสิ่งที่รักในชาตินี้ไป จึงควรเจริญปัญญา

จอน ก่อนฟังธรรมะ ทุกคนมีเรื่องราวของความปฏิบัติผิดและความเห็นผิดมาแล้วทั้งนั้น เมื่อฟังธรรมแล้ว ความเข้าใจถูกก็ค่อยๆ เจริญขึ้น

ถาม เมื่อรู้ว่า ธรรมะเกิดตลอดเวลา ไม่ต้องไปที่ไหน คิดว่า ต้องทำหลายอย่างที่จะทำให้ปัญญาเจริญ ความพยายามที่ถูกต้อง สัมมาวายามะ เป็นอย่างไร? ในมรรคมีองค์ 8

จอน ถ้าเป็นตัวตนที่พยายามก็ยังผิด หรือคิดว่า ไม่ต้องทำอะไรก็ผิด ถ้าพยายามให้สงบก็ผิด ขณะที่ติดข้องกับสงบ ติดข้องกับความพยายามก็ผิด เมื่อปัญญาเจริญ จะรู้ว่า เพียงฟังและพิจารณาให้เข้าใจคำสอน นี่เป็นความเพียรชอบ อุปสรรคของการฟังให้เข้าใจ คือ คิดว่า เราทำได้

ถาม เมื่อเราสลบ ไม่รู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจจะคิดได้ไหม?

ท่านอาจารย์ แต่ละคำ เป็นสภาพธรรมแต่ละหนึ่ง คิดเป็นอะไร? ขณะนี้มีคิดไหม? คิดอะไร? ยังไม่คิดเป็นคำ แต่คิดถึงถึงรูปร่างสัณฐาน "คิด" ไม่ใช่ "เห็น" คิดเป็นขณะที่คิดแล้วดับไป ปกติ คนคิดว่า "คิดเป็นคำ" เท่านั้น แต่คิดเกิดทางมโนทวาร "ยังไม่เป็นคำ" ใครรู้บ้างว่า หลังเห็น หลังได้ยิน หลังได้กลิ่น หลังล้ิมรส หลังกระทบสัมผัส มีปัจจัยให้คิด

(ขอเชิญคลิกชมคลิปวีดีโอการสนทนาธรรมบางตอน จำนวนรวม ๗ คลิป ที่นี่)

สภาพธรรมใดคิด?

ตอบ วิตก วิจาร

ท่านอาจารย์ ใครรู้ รู้จากการฟัง

ตอบ เหมือนดูหนัง

ท่านอาจารย์ ถ้าไม่รู้จักหนัง ก็ไม่รู้จักคิด ถ้าเข้าใจคำสอน ขณะเข้าใจพระปัญญาของพระองค์ ไม่ใช่เพียงถวายสิ่งของ ความนอบน้อม ขณะเข้าใจ วิตกเจตสิกที่เกิดหลังเห็น ขณะเข้าใจพระปัญญาของพระองค์ ไม่ใช่ตัวตน เป็นเพียงสภาพธรรมแต่ละอย่างที่เกิดขึ้น

ซาร่าห์ มีสภาพธรรมหลายอย่าง เช่น โคม่า มีทั้งคิด มีทวารทั้ง 5 เห็น ได้ยิน และมโนทวาร มีวิตก ภวังคจิต ไม่จำเป็นต้องคิดอย่างที่เราคิด

ท่านอาจารย์ ไม่จำเป็นต้องโคม่า แค่นอนหลับตา คิดไหม? ถ้าหลับสนิทไม่คิด!!!

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของสมาชิกชมรม บ้านธัมมะเวียดนาม ทุกท่าน

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดง (พลอากาศตรีหญิง กาญจนา เชื้อทอง)

สำหรับข้อความการสนทนาธรรม ที่ถอดความสดขณะฟัง มาให้ประกอบเรื่อง ครับ

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ


ท่านสามารถคลิกอ่านกระทู้ทั้งหมดในครั้งนี้ ตามลิงก์แต่ละหัวข้อด้านล่าง :

- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑]

- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๒]

- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๓]

- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๔]

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๕ ดาลัด]

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๖ ดาลัด]

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๗ ดาลัด]

- ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘

- อันเนื่องมาจากการเดินทางไปเยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

- ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เดินทางไปร่วมในพิธีศพสมาชิกชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๘ ดาลัด-ญาจาง]

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๙ ญาจาง]

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๐ ญาจาง]

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๑ ญาจาง]

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๒ ญาจาง]

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๓ ญาจาง พักผ่อนและสนทนาธรรมก่อนกลับ]


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 26 พ.ค. 2558

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของสมาชิกชมรม บ้านธัมมะเวียดนาม ทุกท่าน

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดง และคุณวันชัย สำหรับข้อความการสนทนาธรรม ที่ถอดความสดขณะฟัง และภาพสวยๆ ที่นำมาถ่ายถอดเผยแพร่แก่สมาชิกเมืองไทยด้วยนะครับ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ด้วย ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pat_jesty
วันที่ 26 พ.ค. 2558

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณวันชัย และทุกๆ ท่าน ด้วย ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 27 พ.ค. 2558

ขออนุโมทนา ข้อความธรรมะจากการสนทนาแดนไกล และภาพประกอบที่สวยงามคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 27 พ.ค. 2558

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 27 พ.ค. 2558

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของสมาชิกชมรม บ้านธัมมะเวียดนาม ทุกท่าน

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ. กาญจนา (พลอากาศตรีหญิง กาญจนา เชื้อทอง)

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่วันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่ง และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ