พระธรรมมีไว้สำหรับให้พิจารณา

 
ms.pimpaka
วันที่  26 พ.ค. 2558
หมายเลข  26578
อ่าน  873

ขอตัวอย่างการพิจารณาง่ายๆ หลายๆ ตัวอย่างค่ะขอขอบพระคุณมากค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 26 พ.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มหาชน พากันประมาท ประพฤติธรรม ตายไปๆ ย่อมแออัดอยู่ในอบาย

(จาก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก มหากัณหชาดก)

บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ หนีไปแล้วในอากาศ ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้

หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้

(จาก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท)

ชนผู้ประมาทแล้ว ย่อมไม่ล่วงพ้นซึ่งความเกิดได้,

แม้เกิดแล้ว ก็ย่อมแก่ด้วย ย่อมตายด้วย

เพราะเหตุนั้น ความประมาท จึงชื่อว่าเป็นทางแห่งมัจจุ คือ

ย่อมนำเข้าหาความตาย

(จาก ธรรมปทัฏฐกถา อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท)

ขึ้นชื่อว่า การถือมงคลตื่นข่าวนี้ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า

และพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ไม่สรรเสริญเลย

เหตุนั้น บัณฑิต ต้องไม่เป็นคนถือมงคลตื่นข่าว

(จาก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก มังคลชาดก)

บัณฑิต ทำบุญอยู่ ย่อมเต็มไปด้วยบุญโดยลำดับแน่แท้

เปรียบเหมือนภาชนะที่เปิดปาก ย่อมเต็มไปด้วยน้ำ ฉะนั้น

(จาก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท)

ความดี คนดีทำได้ง่าย ความดี คนชั่วทำได้ยาก

(จาก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน อานันทสูตร)

ผู้มีส่วนแห่งเมตตาในสรรพสัตว์ ผู้นั้น ย่อมไม่มีเวรกับใครๆ

(จาก พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค มณิภัททสูตร) ...ฯลฯ...

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นคำจริง เป็นคำอนุเคราะห์เกื้อกูลให้เข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง เกิดจากการตรัสรู้ของพระองค์ ที่กว่าจะได้ตรัสรู้นั้น พระองค์ต้องบำเพ็ญพระบารมีสะสมคุณความดีประการต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ยาวนานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ พระบารมีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง ให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง จะเห็นได้ว่าเมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงแสดงพระธรรมตลอด ๔๕ พรรษา ทรงพร่ำสอนพุทธบริษัท บ่อยๆ เนืองๆ ตั้งแต่เริ่มประกาศพระศาสนาจนกระทั่งถึงเวลาที่พระองค์จวนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า พระธรรม มีประโยชน์มาก ทำให้ผู้ได้ฟังได้ศึกษามีความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลส จนกว่ากิเลสจะดับหมดสิ้นไป

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา นั้น ประกอบด้วยเหตุและผล เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม เป็นไปเพื่อการขัดเกลาละคลายกิเลส เป็นไปเพื่อละโดยตลอด พระธรรม จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ได้สะสมบุญมาแล้วตั้งแต่ชาติปางก่อนเท่านั้น ซึ่งเป็นผู้มีศรัทธา เห็นประโยชน์ของพระธรรม ได้ยินได้ฟังมาแล้วในอดีต ส่วนบุคคลผู้ที่ไม่ได้สะสมบุญมาย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากพระธรรม

พระธรรม ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา พิจารณาในเหตุในผล สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะพระธรรมทั้งหมด เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด ผู้ศึกษาต้องมีจุดประสงค์ที่ถูกต้อง คือ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ขัดเกลาละคลายความไม่รู้ที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 27 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 27 พ.ค. 2558

ศึกษาพระธรรม พิจารณาว่าเป็นธรรมะ ธรรมะไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่สิ่งของ เป็นขันธ์ เป็นธาตุ แต่เพราะถูกอวิชชาปิดไว้ ก็เพราะไม่รู้ ตัณหาและทิฏฐิ ยึดว่าเที่ยง ยึดว่าเป็นสุข ยึดว่าเป็นของงาม ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ms.pimpaka
วันที่ 27 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanrat
วันที่ 28 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
thilda
วันที่ 28 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jarunee.A
วันที่ 4 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ