รู้ตรง กับ รู้ชัด ต่างกันอย่างไร

 
apiwit
วันที่  1 ส.ค. 2558
หมายเลข  26862
อ่าน  1,142

สติที่ประกอบด้วยปัญญาหรือสติที่ถึงเฉพาะสภาพธรรมแต่ละลักษณะเป็นสภาพที่รู้ตรง แต่ปัญญาหรือความเข้าใจนั้นเป็นสภาพที่รู้ชัดในธรรมทั้งหลาย จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า ขณะที่รู้ตรงเป็นอย่างไร ขณะที่รู้ชัดเป็นอย่างไร รู้ตรงกับรู้ชัดนั้นต่างกันอย่างไรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 ส.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

รู้ตรง คือ รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมนั้น รู้ชัด รู้ชัดด้วยปัญญา ในขณะนั้นว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องของปัญญา ที่เป็นสติปัฏฐาน ที่เป็นเรื่องไกลแสนไกล พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น มีความละเอียดลึกซึ้งยากที่จะตรัสรู้ตามได้ เป็นธรรมอันบัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้ ธรรมจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะกว่าที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ต้องใช้เวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมีตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์ และเมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา ในการประกาศพระศาสนาของพระองค์นั้น ก็เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกได้เข้าใจความจริง หลุดพ้นจากทุกข์ หมดจดจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ตามพระองค์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าจากการแสดงพระธรรมของพระองค์ในแต่ละครั้งๆ นั้น มีผู้ที่ได้ประโยชน์จากพระธรรม รู้แจ้งอริยสัจจธรรมบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน และพระอริยบุคคลทั้งหลายเหล่านั้นกว่าที่ท่านจะถึงวันดังกล่าวนั้นได้ ท่านก็ต้องเป็นผู้ได้สะสมการสดับตรับฟังพระธรรม สะสมปัญญามาเป็นเวลาอันยาวนาน ด้วยกันทั้งนั้น จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่ดี สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม โดยเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม ว่า ไม่ควรที่จะท้อถอย ยิ่งยากก็ยิ่งจะต้องศึกษา เพราะปัญญาไม่สามารถจะเจริญขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ต้องค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษาไปตามลำดับ เพียงแค่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือ ชาตินี้ ยังไม่พอ ต้องสะสมความเข้าใจต่อไปอีกเป็นเวลาอันยาวนาน (จิรกาลภาวนา) ซึ่งมีข้ออุปมาเหมือนการจับด้ามมีด เมื่อจับบ่อยๆ นานๆ รอยสึกย่อมปรากฏได้ ปัญญาก็เช่นกัน ต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการสะสม ในการอบรม จึงจะเจริญขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ในแต่ละภพในแต่ละชาติ มีชีวิตอยู่ก็เพื่อได้ฟังพระธรรม ได้สะสมอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น เพราะเหตุว่าการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นเรื่องที่ไกลมาก ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นได้ก็ต้องมีวันนี้ คือ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาต่อไป ครับ. ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tanrat
วันที่ 2 ส.ค. 2558

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 2 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 2 ส.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เป็นเรื่องของปัญญาและสติพร้อมด้วยโสภณธรรมอื่นๆ ที่เกิดร่วมด้วย ระลึกและรู้สภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริง เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ถ้าหากไม่มีความเข้าใจตั้งแต่ขั้นการฟังแล้ว ไม่มีทางที่จะรู้ตรง รู้ชัดในสภาพธรรมได้เลย เพราะไม่รู้อะไร นั่นเอง
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Phutporn
วันที่ 4 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jarunee.A
วันที่ 19 ก.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ