เข้าใจความจริง ก่อนจะจากโลกนี้ไป

 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่  16 ธ.ค. 2558
หมายเลข  27306
อ่าน  3,699

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เกิดมาแล้วต้องตาย แต่ก่อนตาย ควรที่จะได้ประโยชน์จากการมีชีวิตอยู่ ด้วยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ

โรงแรมภูพานเพลส มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร

อังคาร ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ๑๔-๑๖ น.

อ.สุจินต์ ขอให้ฟังและเข้าใจ เพื่อที่จะได้สะสมความมั่นคง ซึ่งวันหนึ่ง ก็จะทำให้ เห็นประโยชน์ของการที่เกิดมาแล้ว ใครจะรู้ว่า จะจากโลกนี้ไป เมื่อไร ใครรู้บ้าง เด็กก็ตายได้ ผู้ใหญ่ก็ตายได้ คนแก่ก็ตายได้ แต่ใครจะตาย เมื่อไร ไม่มีใครรู้ และจะตาย ที่ไหน รู้ไหม. จะตายด้วยโรคอะไร รู้ไหม ก็ไม่รู้ทั้งนั้น แต่ต้องตายแน่ ใช่ไหม เพราะฉะนั้น จะจากโลกนี้ไป โดยไม่รู้ ความจริง ซึ่งมี ตั้งแต่เกิดจนตาย แล้วก็ ก่อนจะจากไป ก็มีโอกาส ได้เข้าใจความจริง. ซึ่งทรัพย์สมบัติเงินทองนะคะ รูปร่างหน้าตาสวยงามยังไง เสื้อผ้าอาภรณ์ เอาไปไม่ได้เลย แต่ว่า ทุกอย่างที่ เกิดกับจิต แม้ดับแล้ว ก็สะสมสืบต่อ ทำให้ เราใช้คำว่า “อุปปนิสสย”

นิสสย หมายความถึง ที่อาศัย อุปปะ หมายความถึง ที่มีกำลัง เพราะฉะนั้น เราสามารถที่จะกล่าวได้ ตามการสะสมของแต่ละคน จนกระทั่ง เป็นที่อาศัยที่มีกำลัง ว่า เขาเป็นคนขี้โกรธเพราะเขาโกรธบ่อยๆ ถ้าเขาไม่โกรธบ่อยๆ เขาจะเป็นขี้โกรธไหม เห็นไหม “ทั้งหมด ก็เป็นธรรมะ ทั้งนั้น” ที่จะต้อง ค่อยๆ เป็นไป แต่ละ ๑ ขณะ จนกระทั่งสามารถที่จะปรากฏให้เห็นได้ เพราะฉะนั้น แต่ละคน เนี่ยค่ะ โลภก็มี โกรธก็มี มีหมดเลย

แล้วจะดับอะไรก่อน ต้องดับความเห็นผิด ที่ยึดถือว่า “มีเรา” ก่อน เพราะ “มีเรา” จึงมีกิเลสมากยึดถือมากต้องการมาก เพื่อใคร ก็เพื่อเรา. แต่ถ้ารู้ว่า “ไม่มีเรา แต่มีธรรมะ” ฝ่ายดีก็มี ฝ่ายไม่ดีก็มี เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเห็นถูกต้อง ว่า “ไม่ใช่เรา” แล้วก็ “เป็นสิ่งซึ่งต้องเกิดตามเหตุตามปัจจัย” จะสะสมอะไร. เพราะฉะนั้น ก็จะเป็นคนดีขึ้น โดยไม่รู้เลยว่า ดี เพราะรู้ความจริง ว่า “เป็นธรรมะ ... ไม่ใช่เรา” เพราะฉะนั้น ไม่ว่า โลกจะเป็นยังไง ประเทศไหนจะเป็นยังไง ผู้คนจะเป็นยังไง “เป็นธรรมะทั้งหมด” ใครจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ไม่ได้เลย แต่ถ้ามีความเข้าใจถูกต้องขึ้น ความดีเพิ่มขึ้น

เพราะฉะนั้น หนทางเดียว ที่จะ แก้ทุกอย่าง ที่เลวร้ายได้ ก็คือว่า ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง. เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เห็นชั่วเป็นดี แล้วประพฤติชั่ว แล้วคิดว่า ไม่มีผล แต่ความจริง “ทั้งหมดเป็นธรรมะ” ธรรมะที่เป็นเหตุเกิดแล้ว ต้องเป็นปัจจัยให้ เกิด ธรรมที่เป็นผลของเหตุนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ละเอียดมาก ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงความละเอียด ของ “ธรรมะที่เป็นเหตุคือ กรรม” และ “ธรรมะที่เป็นผลคือ วิบาก”

แต่ละคำ ก็เป็นคำใหม่ แต่ว่า ถ้าเข้าใจความจริง ก็แยกกันได้ กุศลเป็นเหตุ ให้กระทำกรรมที่สำเร็จ เมื่อทำกรรมนั้นแล้ว มีหรือ ซึ่ง เหตุมี แล้วผลจะไม่มี เพราะฉะนั้น เมื่อเหตุมี ผลต้องมี แต่ผลคืออะไร ก็ไม่รู้อีก ใช่ไหม “ผลคือเกิด” เลือกไม่ได้

ไม่มีใครอยากเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ใช่ไหม ไม่มีใครอยากเกิดในนรก ไม่มีใครอยากเกิด เป็นเปรต เป็นอสุรกาย อยากเกิดเป็นอะไร เป็นเทวดา เพลินเลย เพลินเลย แต่ว่า ทุกชั้นของภพภูมิ ที่เป็นภูมิที่ดี คือ สุคติ มีศาลาสุธรรมา ที่จะได้ ฟังพระธรรม ไม่ต้องห่วง ถ้าทำดี สนใจธรรมะ ก็รู้ว่า “ทุกอย่างไม่เที่ยง” เป็นเทวดา ตลอดไปได้ไหม ก็ไม่ได้

หมดผลของกรรม ที่ทำให้เป็น สิ่งนั้นๆ คนนั้นๆ ภูมินั้นๆ ก็ต้องกลับ มาสู่ ความเป็นบุคคล ที่เต็มไปด้วย ความติดข้อง ในรูปในเสียงในกลิ่นในรสในโผฏฐัพพะ มากขึ้นๆ ทุกชาติ เพิ่มขึ้นด้วย

เพราะฉะนั้น การได้เข้าใจธรรม ไม่เสียประโยชน์อะไรเลยทั้งสิ้น ไม่มีความเสียหายใดๆ เพราะว่า “เป็นความจริง” และเมื่อเป็นความจริง คือ ปัญญา เห็นความถูกต้อง ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ปัญญานั้นเองนะคะ ก็จะรู้ว่า ควรจะอบรมเจริญสิ่งใด ให้มากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้ามีปัญญาแล้ว ความดีทั้งหลายก็เจริญขึ้น ความไม่ดีทั้งหลายก็ลดน้อยลง จนไม่เหลือ ได้ ถึงความเป็นพระอรหันต์ แต่ถ้าไม่รู้อย่างนี้ แล้วไปคิดว่า จะเป็นพระอรหันต์ได้ โดยไม่ได้เข้าใจ ความจริง อย่างนี้ ถูกไหม เป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่า เหตุกับผล ต้องตรงกัน

ถาม ท่านอาจารย์คะ เรื่องของธรรมะเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง แน่นอน ศรัทธาต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สูงสุดอยู่แล้ว ทีนี้ การที่เราจะ ปลูกฝัง ศาสนาพุทธ ให้เกิดขึ้น ด้วยความเข้าใจอย่างถูกต้องจริงๆ มันจะ ทำได้ โดยวิธีการ ไหน

อ.สุจินต์ การที่ แต่ละคน เข้าใจธรรม เป็นทางเดียว ที่จะดำรง คำสอนของพระพุทธศาสนาไว้ได้ แต่ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมเลย แล้วจะกล่าวว่า จะรักษาพระพุทธศาสนา เนี่ย. จะรักษายังไง เพราะเหตุว่า ใครก็ตามนะคะ ที่เข้าใจพระธรรม พระศาสนาดำรงอยู่ เพราะยังมีผู้ที่เข้าใจ แต่เมื่อใดที่ไม่มีผู้ใดเข้าใจ พระศาสนาดำรงอยู่ได้ไหม พระศาสนาก็อันตรธานไปจากคนที่ไม่เข้าใจ แต่ละคน แต่ละคน จนไม่เหลือ

เพราะฉะนั้น จะดำรงพระศาสนาได้ ก็คือ ฟังพระธรรม นะคะ ศึกษาความจริง ไตร่ตรองความจริง ในแต่ละคำ เพราะรู้ว่า คนอื่น จะไม่สามารถ ที่จะทำให้ เกิด ปัญญาความเห็นถูกได้ นอกจาก “ฟัง” เฉพาะ คำที่กล่าวถึง “สิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง” ซึ่ง เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่ง พระผู้มีพระภาค ก็ได้ตรัสไว้ ผู้ใดกล่าวคำจริง คำจริงนั้น เป็นคำของเรา เพราะ ทรงตรัสรู้ จึงได้มีคำจริงนั้นๆ ไม่ว่าใครจะกล่าวคำจริงไหน ความเข้าใจในความจริงนั้น มาจากใคร ก็ต้องมาจาก การที่เขาได้ศึกษาธรรมะ คำของพระพุทธเจ้า จนเข้าใจจริงๆ จึงสามารถที่จะ กล่าว คำจริงนั้นๆ ได้ ใครจะกล่าวคำไหน คำจริงนั้น ก็มาจาก การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหมด

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

อนุโมทนา สาธุ ในกุศลทุกประการ ของ ทุกท่าน ที่ทำให้การสนทนาธรรมนี้สำเร็จเป็นไปด้วยดี

ใหญ่ราชบุรี...ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี ... พุธ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๘


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
อนุโมทนา
วันที่ 17 ธ.ค. 2558

ขอกราบแทบเท้า อาจารย์ และขออนุโมทนาทุกๆ กุศลจิตนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
peem
วันที่ 17 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ch.
วันที่ 17 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thilda
วันที่ 17 ธ.ค. 2558

เขียนออกมาทำให้ได้อ่านทบทวนช้าๆ ดีมากๆ ค่ะ

กราบบูชาคุณและขออนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพอย่างยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณใหญ่ราชบุรีอย่างยิ่งค่ะ ☺

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 18 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ประภาษ
วันที่ 18 ธ.ค. 2558

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 19 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jirat wen
วันที่ 20 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
nong
วันที่ 29 ธ.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
คุณจิต
วันที่ 17 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 22 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
เฉลิมพร
วันที่ 21 ม.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
สิริพรรณ
วันที่ 12 ก.พ. 2566

จะดำรงพระศาสนาได้ ก็คือ ฟังพระธรรม นะคะ ศึกษาความจริง ไตร่ตรองความจริง ในแต่ละคำ เพราะรู้ว่า คนอื่น จะไม่สามารถ ที่จะทำให้ เกิด ปัญญาความเห็นถูกได้ นอกจาก “ฟัง” เฉพาะ คำที่กล่าวถึง “สิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง” ซึ่ง เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่ง พระผู้มีพระภาค ก็ได้ตรัสไว้

ผู้ใดกล่าวคำจริง คำจริงนั้น เป็นคำของเรา เพราะ ทรงตรัสรู้ จึงได้มีคำจริงนั้นๆ
ไม่ว่าใครจะกล่าวคำจริงไหน ความเข้าใจในความจริงนั้น มาจากใคร ก็ต้องมาจาก การที่เขาได้ศึกษาธรรมะ คำของพระพุทธเจ้า จนเข้าใจจริงๆ จึงสามารถที่จะ กล่าว คำจริงนั้นๆ ได้ ใครจะกล่าวคำไหน คำจริงนั้น ก็มาจาก การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหมด

กราบบูชาพระคุณยินดีในกุศลท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง

อนุโมทนาและขอบพระคุณในความดีของท่านที่เผยแพร่คำจริงและควรฟังเสมอๆ ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Jarunee.A
วันที่ 15 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ