ผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน

 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่  31 ม.ค. 2559
หมายเลข  27415
อ่าน  1,511

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอเรียนถามดังนี้ค่ะ

๑. ผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน มีสภาวธรรมประการใดเกิดขึ้น จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน

๒. ขอคำอธิบายลักษณะสภาวะของ "มีปกติ" "เจริญ" "สติ" "สติปัฏฐาน"

ขอบพระคุณที่อนุเคราะห์ให้ความรู้ความเข้าใจค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 31 ม.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มีปกติ คือ ปกติด้วยปัญญาที่รู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ที่เป็นปกติ ที่เป็นกิจหน้าที่ของสติที่ทำหน้าที่ระลึก พร้อมปัญญาที่รู้ความจริง จึงเรียกว่าเป็นสติปัฏฐาน ครับ

เชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ที่นี่ครับ

ส. ต้องไม่ลืมว่า ปกติ คือเกิดแล้ว ไม่ใช่ไปทำให้เกิด

อรรณพ อย่างท่านพระโสณะกระทำความเพียรจนเท้าแตก ดูเหมือนไม่ปกติสำหรับคนอื่น

ส. ท่านพิจารณาสิ่งที่เกิดแล้ว ถ้าไม่ใช่สิ่งที่เกิดแล้ว ไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะยังไม่เกิด เพราะฉะนั้น ที่ไม่เป็นปกติคือคิดถึงสิ่งที่จะทำ ที่จะรู้ แต่สิ่งที่กำลังมีขณะนี้ไม่รู้ไม่เข้าใจ สิ่งที่กำลังมีขณะนี้ปกติจริงๆ เกิดแล้วดับ ถ้าไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่มีจริง ไม่มีทางรู้ว่า สิ่งนี้เกิดแล้วดับด้วย เกิดก็ต้องรู้ เมื่อเกิดแล้วดับก็ต้องรู้ด้วย ปกติ

อรรณพ สิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้เป็นปกติ

ส. แน่นอน แต่ไม่รู้ ก็ผิดปกติไป ไปทำอะไรก็ไม่รู้ที่คิดว่า ทำแล้วจะรู้

อรรณพ ผิดปกติเพราะความไม่รู้และความเห็นผิด

ส. ปกติต้องเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่ขณะนี้เกิดปรากฏแล้วดับ คำว่า “สติสัมปชัญญะ” ซึ่งภาษาไทยใช้คำว่า “รู้สึกตัว” ยังมีคำว่า “ทั่วพร้อม” ขณะไหนก็ได้ เมื่อไรก็ได้ เพราะมีสภาพธรรมะนั้นที่อยู่ตรงนั้น ขณะนั้นมากมาย แล้วแต่อะไรจะปรากฏ คิดก็มี ชอบก็มี โกรธก็มี แข็งก็มี ปกติไม่ได้เข้าใจอย่างอื่น ไม่ได้ไปทำอย่างอื่น แต่สติสัมปชัญญะรู้สึกตัว คือ เฉพาะตรงนั้นที่มีที่เกิดเป็นปกติ

เพราะฉะนั้น ปัญญาตามลำดับ ถ้าขณะนั้นไม่เกิดก็คือขั้นฟังพร้อมหรือยัง มากหรือยัง คลายการหวังหรือยัง ไม่ต้องไปทำเลย เพราะมีแล้วไปทำอะไรอีก ไม่ต้องไปทำอะไร จึงเน้นว่า เป็นผู้มีปกติรู้สึกตัวทั่วพร้อมในสิ่งที่มี อะไรก็ได้แล้วแต่เหตุปัจจัย

อรรณพ ผมได้ยินท่านอาจารย์บรรยายคำนี้มานานว่า เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน

ส. มิฉะนั้นแล้วไม่ใช่สติปัฏฐาน เกิดแล้ว แล้วจะไปรู้สิ่งที่ยังไม่เกิดได้อย่างไร ทั่วคือไม่เลือก ไม่ได้เจาะจง แล้วแต่มีอะไรในขณะนั้น ทางไหนก็ได้

เพราะฉะนั้น เข้าใจแล้วใช่ไหม รู้ด้วยตัวเองว่า ขณะนี้รู้สึกตัวหรือยัง เป็นปกติหรือไม่ เมื่อไรที่เข้าใจ เมื่อนั้นก็เป็นผู้เป็นปกติ น้อยมากตามเหตุปัจจัยที่จะไม่ผิดปกติ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 1 ก.พ. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มีปกติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง (ไม่ใช่การไปทำอะไรที่ผิดปกติ) โดยอาศัยการได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน เป็นความเจริญขึ้นของธรรมฝ่ายดี มีปัญญา พร้อมด้วยศรัทธา สติ เป็นต้น ไม่ใช่ว่าเป็นผู้ไม่รู้อะไรแล้วไปทำอะไรด้วยความเป็นตัวตนแม้ว่าท่านเหล่านั้น สิ่งที่มีจริงๆ นั้น เป็นที่ตั้งให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริง ละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ได้ ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ต้องเริ่มที่การฟัง การศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ ธรรมทุกคำมีค่ามาก ถ้ามีความตั้งใจที่จะฟัง ที่จะศึกษาด้วยความจริงใจแล้ว ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 1 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
j.jim
วันที่ 1 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 9 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nong
วันที่ 10 ก.พ. 2559

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
yanong89
วันที่ 25 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
panasda
วันที่ 3 ส.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Sea
วันที่ 14 ต.ค. 2564

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ