สงสัยเรื่องการแผ่เมตตา

 
Chaowat
วันที่  30 พ.ค. 2559
หมายเลข  27837
อ่าน  1,170

ได้ฟังธรรมเรื่อง "การแผ่เมตตา" ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว้ว่าแผ่เมตตาได้เฉพาะผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วในบทแผ่เมตตาที่กล่าวว่า "ยะถา วาริวะหา ปูรา ปาริปูเรนติ สาคะรัง" ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ฉันใด "เอวะ เมวะ อิโตทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ" ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วในโลกนี้ ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วได้ ฉันนั้น คือกระผมยังสงสัย รบกวนท่านอาจารย์อธิบายให้เข้าใจด้วยครับ ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 30 พ.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ยะถา วาริวะหา ปูรา ปาริปูเรนติ สาคะรัง"....เป็นคำอุทิศส่วนกุศล ซึ่งเป้นการอุทิศบุญไปให้สำหรับผู้ที่เกิดในภพภูมิเปรต เป็นต้น ถ้าอนุโมทนาจึงจะได้รับ นั่นคือ เกิด กุศลจิตในกุศลที่ผู้อื่นอุทิศให้ ต่างจากแผ่เมตตา ที่ต้องเป็นกำลังของผู้ได้ฌาน แผ่ไปทั่วทุกทิศ หากไม่มีกำลังของฌาน ก็ไม่สามารถแผ่ไปทั่วได้ ได้แต่นึกคิดเอา เพราะ ขณะที่แผ่ ไม่ได้มีเมตตาที่มีกำลังนั่นเอง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 30 พ.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เกื้อกูลอุปการะเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่อกุศลธรรม แม้แต่ในเรื่องของเมตตา ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นสภาพธรรมฝ่ายดี และเป็นประโยชน์ในที่ทั้งปวง ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ใครทั้งสิ้น เป็นธรรมที่ควรมี ควรอบรมให้มีขึ้นแทนที่จะโกรธกันหรือไม่พอใจกัน เมตตาเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าความโกรธ (ถ้าไม่ได้สะสมมา ก็ไม่ง่าย) เพราะโกรธต้องหาเรื่องที่จะต้องโกรธ ย้อนคิดถึงเรื่องที่ทำให้ตนเองโกรธ แต่ถ้าเป็นเมตตาแล้ว ใจเบาสบาย ไม่หนักด้วยอำนาจของโทสะ ในชีวิตประจำวัน ยังไม่มีเมตตาที่มีกำลังจนกระทั้งถึงเมตตาฌาน ก็ยังไม่สามารถแผ่ได้ และที่สำคัญ เมตตา ไม่ใช่เรื่องท่อง ไม่ได้อยู่ที่คำแผ่ แต่สามารถอบรมเจริญได้ในชีวิตประจำวัน โดยเป็นมิตร เป็นเพื่อนกับทุกคน มีความหวังดี ไม่หวังร้ายต่อผู้อื่น การอุทิศส่วนกุศล เป็นความดีประการหนึ่ง การอุทิศส่วนกุศลก็เพื่อให้บุคคลอื่นได้ร่วมอนุโมทนา ซึ่งจะเป็นเหตุให้กุศลจิตของบุคคลอื่นเกิดได้ กุศลจิตที่อนุโมทนาย่อมเป็นกุศลของผู้อนุโมทนาเอง ซึ่งกุศลที่เกิดขึ้นด้วยการอนุโมทนานี้จะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่ดี คือ กุศลวิบากจิตเกิดขึ้น ไม่ใช่เราหยิบยื่นกุศลของเราให้คนอื่น แต่การที่เราทำกุศล แล้วเป็นเหตุให้คนอื่นที่รู้อนุโมทนายินดีด้วย ขณะใดที่เขาอนุโมทนายินดีด้วย ขณะนั้นก็เป็นกุศลของเขา ซึ่งจะต้องเป็นกุศลจิตของผู้ที่อนุโมทนาเท่านั้นจริงๆ ดังนั้น ทั้งการอุทิศส่วนกุศล และการอนุโมทนาในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำ ล้วนเป็นกุศลทั้งนั้น ควรที่จะอบรมเจริญให้มีขึ้นในชีวิตประจำวัน ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 31 พ.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
kukeart
วันที่ 9 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 12 มิ.ย. 2559

การเจริญเมตตาคือให้ความเป็นมิตรหวังดีช่วยเหลือกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ส่วนการอุทิศกุศลก็ต้องขึ้นอยู่กับภพภูมิและอยู่ที่ผู้นั้นมีจิตเป็นกุศลเขาก็อนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ