ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม   ... ครั้งที่ ๓๒๑

 
khampan.a
วันที่  15 ต.ค. 2560
หมายเลข  29247
อ่าน  2,837

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๒๑

~ เมื่อสิ้นสุดชีวิตของโลกนี้แล้ว ก็ยังไม่ได้จบ เพราะเหตุว่ากรรมที่ทำไว้ไม่ได้สูญหายไปไหน ในเมื่อบุคคลนั้นยังไม่ใช่พระอรหันต์ตราบใด ก็ยังต้องมีเหตุปัจจัยที่จะต้องเกิด ขณะนี้ทุกคนพิสูจน์ได้ว่า มีโลกนี้ เพราะว่ากำลังอยู่ในโลกนี้ แต่เมื่อจากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น ก็จะพิสูจน์ได้อีกเหมือนกันว่า โลกอื่นก็มี เมื่อถึงนรกเมื่อไร ก็หมดสงสัยเรื่องนรก และถ้าถึงสวรรค์เมื่อไร ก็หมดสงสัยเรื่องสวรรค์ ในเมื่อชาตินี้หมดสงสัยเพียงเรื่องโลกมนุษย์เท่านั้น

~ บางคนเกิดมามีความสะดวกสบาย มีความสุขสบายมาก มีฐานะ มีทรัพย์สมบัติ แต่ว่าเต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ เพราะฉะนั้นเป็นผู้ที่สว่างมา แต่ว่ามืดไป เพราะเหตุว่าไม่ได้ขัดเกลากิเลส ไม่ว่าจะได้รูป ได้เสียง ได้กลิ่น ได้รส ก็เป็นที่ตั้งของความยินดีพอใจที่เป็นอกุศล

~ สมัยนี้รู้สึกว่าจะเป็นสมัยนิยมของการปฏิบัติธรรม เพราะเหตุว่าไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีการชักชวนให้ปฏิบัติธรรม แต่การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย แล้วก็จะปฏิบัติธรรมได้

~ การขัดเกลากิเลสเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก เพราะเหตุว่าจะต้องเข้าใจเรื่องของสภาพธรรมโดยละเอียด โดยถูกต้อง ถ้าใครศึกษาพระธรรมโดยไม่รอบคอบ หรือมีการเข้าใจผิดในพระธรรม การขัดเกลากิเลสก็ย่อมจะเป็นไปไม่ได้

~ ต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็เห็นโทษเห็นภัยของอกุศลจริงๆ ว่า ถ้าวันนี้ยังไม่เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย วันต่อๆ ไป อกุศลก็ย่อมเพิ่มพูนขึ้น

~ ลองคิดถึงสมบัติทั้งหลายที่มี ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง เพชรนิลจินดา บ้านช่อง เครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหลาย สมบัติที่ประเสริฐที่สุดในบรรดาสมบัติทั้งหลายที่มี จะได้แก่อะไร เพราะเหตุว่าเว้นจากการฟังพระธรรมเสียแล้ว การแทงตลอดซึ่งสัจจธรรมของพระสาวกทั้งหลายจะมีไม่ได้เลย ทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทองจะทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมไม่ได้ แต่ว่าการฟังพระธรรม การเข้าใจพระธรรม เป็นเหตุที่จะทำให้แทงตลอดสัจจธรรมได้

~ การฟังเป็นความดี เพราะเหตุว่าเมื่อฟังแล้ว ประโยชน์คือเริ่มเข้าใจสิ่งซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อน ยิ่งฟังมากก็ยิ่งเข้าใจได้ถูกต้องขึ้น ละเอียดขึ้น

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ สามารถที่จะให้ผู้พิจารณาขัดเกลากิเลสอกุศลธรรมได้อย่างละเอียด เพราะเหตุว่าชี้ให้เห็นโทษของตนเอง ซึ่งยากที่จะเห็นได้ เป็นศาสดาแทนพระองค์ เป็นดุจครูอาจารย์ผู้คอยชี้โทษ เป็นกัลยาณมิตร คือ มิตรแท้ คือ ผู้ที่ชี้ให้เห็นโทษของตนเอง

~ มีใครโกรธบุคคลที่ชี้โทษบ้างไหม? หรือว่าโทษของเราก็ต้องเราเห็น ไม่ใช่ให้คนอื่นบอก ความสำคัญตนมีมากมายหลายลักษณะจริงๆ เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะพิจารณาว่า มีจิตใคร่ที่จะเป็นผ้าเช็ดธุลีหรือยัง ถ้าระลึกถึงผ้าเช็ดธุลี คือ ไม่หวั่นไหวไม่ว่าจะได้รับคำชมหรือคำติ หรือการกระทำทางกายวาจาที่ควรไม่ควรจากบุคคลใดก็ตาม ก็เป็นผู้ที่สามารถจะไม่หวั่นไหวได้ ก็จะถือผู้ที่ชี้โทษให้ว่า เป็นผู้มีคุณ

~ ทุกคนกำลังมีร่างกาย ซึ่งจะทำประโยชน์ได้ แต่ว่าถ้ายังไม่บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ กิจที่จะพึงยังประโยชน์ให้สำเร็จด้วยร่างกายนี้ ยังไม่สำเร็จ แต่สำหรับผู้ที่เป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านเห็นว่า การที่จะจากโลกนี้ไปจะทอดทิ้งร่างกายหรือสรีระซึ่งเป็นภาระ โดยการที่ท่านได้กระทำกิจให้สำเร็จด้วยกายนี้แล้ว เพราะฉะนั้นท่านก็ทอดทิ้งไปโดยการสำเร็จกิจที่จะพึงใช้ร่างกายนี้

~ ที่ต้องการหมดกิเลสจริงๆ เพราะว่าเห็นโทษเห็นภัยของโลภะ ของโทสะ ของโมหะ ย่อมจะกระทำดีโดยไม่ได้หวังผล แม้ว่ากรรมดีนั้นถึงอย่างไรก็ต้องให้ผล แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะความหวังผล ซึ่งก็จะดีกว่า เพราะเหตุว่าไกลจากบ่วงของกิเลส

~ ถ้ามีเมตตาต่อบุคคลนั้น จะโกรธบุคคลนั้นไม่ได้เลย

~ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำการช่วยเหลือบุคคลหนึ่ง บุคคลใดกระทำกิจในพระธรรมโดยการศึกษา โดยการอ่าน โดยการสนทนา โดยการเกื้อกูลบุคคลหนึ่งบุคคลใดก็ตาม ขณะนั้นเป็นสติทั้งนั้น ถ้าสติไม่เกิด การกระทำอย่างนั้นๆ ก็เกิดไม่ได้

~ การที่ถ่ายถอนความสำคัญที่ยึดถือสิ่งที่ปรากฏว่า เป็นสัตว์ เป็นบุคคล จึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย โดยขั้นของปริยัติ คือ การฟัง ซึ่งการฟังมากๆ เป็นพหุสูต ก็จะทำให้เข้าใจชัดถึงความต่างกันของจิตแต่ละประเภทที่เกิดในขณะที่เห็น หรือในขณะที่นึกถึงสิ่งที่เห็น

~ เกิดมาทั้งชาติ ทุกชาติๆ หวั่นไหวมากเหลือเกินในเรื่องสุขและทุกข์ จนกว่าจะถึงวาระที่ไม่หวั่นไหวในสุขและทุกข์ ก็ลองคิดดูว่า เมื่อไรจะถึงอย่างนั้น ถ้าไม่ได้อบรมเจริญปัญญาจริงๆ

~ ไม่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสข้อความใด เหมือนยาอันประเสริฐ พระธรรมหรือพระพุทธพจน์แต่ละคำมีคุณค่า มีประโยชน์ เพราะเหตุว่า เป็นสิ่งที่จริงเป็นสัจจะ และเกื้อกูลบุคคลที่รับฟังและพิจารณาประพฤติปฏิบัติตามได้

~ ยิ่งออกจากอกุศลเร็วเท่าไร ยิ่งดีเท่านั้น

~ ปัญญา หมายความว่า เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วกำลังปรากฏตามความเป็นจริง ไม่ใช่ให้ไปทำอย่างอื่น แต่อบรมเจริญความรู้ความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ

~ ปกติของปุถุชน เห็น หลงลืมสติ ทันทีที่ตื่นลืมตา หลงแล้ว มีโลภะเกิดขึ้น มีความต้องการติดตามไปตลอดวันที่โทสะไม่เกิด หรือกุศลจิตไม่เกิด

~ วันหนึ่งๆ ของคนที่มีกิเลสเห็นแล้วก็เป็นอกุศลโดยตลอด แต่คนที่สะสมปัญญามา เห็นแล้วเป็นปัญญาจึงดับกิเลสได้ มิฉะนั้นแล้วจะดับไม่ได้เลย เพราะอะไร เพราะเมื่อเห็นแล้วกิเลสเกิด เพราะฉะนั้นจะดับกิเลสได้ เมื่อเห็นแล้วปัญญาเกิด เวลาได้ยินแล้วกิเลสเกิด เพราะฉะนั้นจะดับกิเลสได้ก็ต่อเมื่อกำลังได้ยินนั้นแหละ ปัญญาเกิดจึงดับกิเลสในขณะนั้นได้ จนกระทั่งไม่มีกิเลสเหลือเลย

~ สิ่งที่ควรเจริญในชาตินี้ก็คือ ปัญญา เพราะเหตุว่า สิ่งอื่นไม่สามารถจะติดตามไปได้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ ก็ติดตามไปไม่ได้ แต่ปัญญา ความเข้าใจพระธรรมจากชาติหนึ่งไปอีกชาติหนึ่ง ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น

~ กุศลทั้งหลายจะเจริญขึ้นด้วยความอดทนที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจสภาพธรรมให้ถูกต้อง ไม่ให้คลาดเคลื่อน ไม่ให้เห็นผิด ไม่ให้เข้าใจผิด มิฉะนั้นบางคนเข้าใจว่า ตนเองหมดกิเลสแล้ว เพียงแต่ไปปฏิบัติโดยที่ปัญญาไม่ได้เกิดเลย แต่คิดว่าหมดกิเลส นี่ก็จะทำให้กุศลธรรมเจริญขึ้นไม่ได้เลย เพราะเหตุว่ายังเต็มไปด้วยความไม่รู้และความเห็นผิดในหนทางปฏิบัติที่จะดับกิเลส

~ อะไรเห็นโทษของกิเลส ก็ต้องปัญญา คำตอบก็อยู่ที่ปัญญา ก็ต้องเจริญปัญญาขึ้น เมื่อปัญญาเพิ่มขึ้นก็ต้องเห็นโทษของกิเลส แต่ถ้าปัญญายังไม่เกิด แล้วจะบอกว่าเห็นโทษของกิเลสก็ยาก

~ ถ้าบุคคลนั้นศึกษาพระธรรมโดยผิดจุดประสงค์ อาจจะเพื่อความสำคัญตน เพื่อชื่อเสียง เพื่อลาภยศ หรือแม้เพียงเพื่อสักการะ หมายความว่า ธรรมที่ได้ฟังไม่ได้ไปชำระจิตใจของเขา เพราะว่าเขาตั้งใจไว้ผิดในการฟังธรรม ในการศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้นเมื่อฟังแล้วก็ยิ่งมีความสำคัญตนขึ้น ถ้าสมมติว่าฟังแล้วเข้าใจธรรมจริงๆ คนนั้นจะลดอกุศลลงเอง เพราะเหตุว่าปัญญาเกิด

~ พระธรรมที่มีประโยชน์ต่อสัตว์โลก ก็เพราะทำให้สัตว์โลกที่ได้รับฟังพระธรรมเกิดปัญญาของบุคคลผู้ฟังเอง

~ จะรู้มากรู้น้อยอย่างไรก็ตาม เพื่อประโยชน์ คือ เป็นปัญญาที่จะขัดเกลาละคลายอกุศล เพราะอกุศล ไม่มีทางที่อย่างอื่นจะขัดเกลาหรือละคลายได้ นอกจากปัญญาอย่างเดียว

~ อธิษฐาน หมายถึงความตั้งใจมั่นในการเจริญกุศล เพราะเหตุว่าจิตใจของคน ส่วนใหญ่แล้วอกุศลทั้งนั้น ทั้งวัน โอกาสของกุศลน้อยมาก เพราะฉะนั้นผู้ที่มีอธิษฐานบารมี ก็เป็นผู้รู้ตัวว่า กิเลสยังเยอะ เพราะฉะนั้นยังจะต้องอาศัยความตั้งใจมั่นจริงๆ ในการเจริญกุศล มิฉะนั้นแล้วก็จะพลาดให้อกุศลทุกที

~ เป็นผู้มั่นคงจริงๆ ในกรรม ถ้าท่านทำทุจริตกรรม แล้วจะอ้อนวอนขอร้องให้ได้ผลดี เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ไหม? หรือถ้าท่านทำกุศลกรรมแล้ว ก็อ้อนวอนขอร้องเปลี่ยนเสีย อย่าให้กุศลนั้นให้ผลที่ดีเลย ให้กุศลนั้นให้ผลที่ไม่ดีทั้งหมด จะอ้อนวอนขอร้องสักเท่าไร ก็เป็นไปไม่ได้เลย เพราะเหตุว่าสภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แล้วแต่ว่าเหตุ คือ กุศลจิตเกิดขึ้นทำกุศลกรรม ก็เป็นเหตุให้กุศลวิบากเกิด ถ้าอกุศลจิตเกิดขึ้นกระทำอกุศลกรรม ก็เป็นเหตุให้อกุศลวิบากเกิด

~ การที่กายวาจาประพฤติในทางทุจริต ย่อมนำโทษมาให้ แม้แต่เพียงคำพูด ซึ่งถ้าไม่สำรวมก็อาจจะไม่รู้เลยว่า นำโทษมาให้แล้วแก่ผู้พูด และกับบุคคลอื่นด้วย

~ ท่านอาจจะคิดขุ่นเคืองใจ แล้วก็คิดว่าบุคคลนั้นบุคคลนี้เป็นผู้ตัดรอนประโยชน์ของท่านด้วยประการใดๆ ก็ตาม แต่ถ้าเป็นผู้สะสมกุศลและมีความตั้งมั่นในการขัดเกลากิเลสแล้ว จิตของบุคคลนั้นจะสงบตั้งมั่นได้ไม่ยาก และจะเป็นผู้มีจิตเมตตาแม้ในฝ่ายที่เป็นศัตรูอย่างเร็ว

~ ถ้าเป็นพุทธศาสนิกชนจะต้องเป็นผู้มั่นคงไม่หวั่นไหวในเหตุในผล คือ ในกรรมและผลของกรรมของตนเอง

~ กุศลธรรม ตั้งใจไว้ชอบ ไม่มีประโยชน์เลยในการที่จะเกิดโทสะ แต่ว่าควรเกิดเมตตา เวลาที่เห็นคนอื่นกระทำอกุศลกรรมก็ดี หรือว่าสภาพจิตใจของคนนั้นเป็นอกุศลก็ดี ควรที่จะมีเมตตาว่า บุคคลนั้นจะต้องสะสมอกุศลจิต และอกุศลกรรมไปมากมาย ควรที่จะมีเมตตาอย่างยิ่ง

~ ถ้าขณะใดที่กุศลจิตไม่เกิด ให้ทราบว่าขณะนั้นอกุศลธรรมครอบงำจิต แล้วทำอย่างไรถึงจะสลัด ถึงจะละ ถึงจะขัดเกลาอกุศลธรรมที่กำลังครอบงำอยู่ได้ มีหนทางเดียวเท่านั้น คือ เจริญกุศลทุกประการ ถ้าขณะนั้นไม่ใช่โอกาสของทาน แต่เป็นเรื่องที่จะต้องสงเคราะห์ช่วยเหลือ ช่วยเหลือทันที สงเคราะห์ทันที ขณะนั้นเป็นกุศลจิต มิฉะนั้นแล้ว ขณะนั้นอกุศลธรรมครอบงำได้ เพราะปัจจัยของอกุศลย่อมมีอยู่พร้อมเสมอ จะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้

~ ถ้าขณะใดประสบพบผู้ที่กำลังทุกข์ยาก เดือดร้อนและมีจิตใจอ่อนโยน มีความเป็นมิตรต้องการที่จะเกื้อกูล ขณะนั้นจิตที่ปราศจากโลภะ ไม่ตระหนี่ แล้วก็สละวัตถุเพื่อประโยชน์สุขของคนอื่น ขณะนั้นเป็นบุญ

~ ผู้ที่จะสละอาคารบ้านเรือน ละเพศคฤหัสถ์สู่บรรพชิต แสดงให้เห็นว่า จะต้องเป็นผู้มีสัจจะ คือ เป็นผู้ที่มีความจริงใจต่อการขัดเกลากิเลสยิ่งกว่าเพศของคฤหัสถ์

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๒๐

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
kukeart
วันที่ 15 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สิริพรรณ
วันที่ 15 ต.ค. 2560

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัย
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณด้วยความเคารพพระธรรม
และกุศลจิตท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
รวมทั้งวิทยากรทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 15 ต.ค. 2560

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
มกร
วันที่ 15 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
kullawat
วันที่ 15 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 15 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 16 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 16 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
j.jim
วันที่ 17 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
siraya
วันที่ 17 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
thilda
วันที่ 17 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เมตตา
วันที่ 18 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ.คำปั่น เป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
worrasak
วันที่ 19 ต.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
panasda
วันที่ 25 พ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 10 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ