จิต และ อารมณ์
คำเดิม
จิต มาจากภาษาบาลีว่า จิตฺต เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งสิ่งที่ปรากฏให้รู้ สิ่งที่จิตรู้เป็นอารมณ์ของจิต คือ เป็นสิ่งที่ถูกจิตรู้ เช่น ขณะเห็นมีสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น เพราะขณะนั้น จิตเกิดขึ้นรู้แจ้ง(เห็น)สิ่งที่ปรากฏจริง ๆ สิ่งที่ปรากฏทางตา ก็เป็นอารมณ์ของจิตที่เห็น ขณะที่เสียงปรากฏ จิตเกิดขึ้นรู้แจ้ง(ได้ยิน)เสียงนั้นจริง ๆ เสียงที่ปรากฏทางหู ก็เป็นอารมณ์ของจิตได้ยินคำที่กล่าวถึงจิต (สภาพที่รู้แจ้ง) มีหลายคำ เช่น คำว่า วิญญาณ มโน หทัย
วิญญาณ คือ จิตเห็นสีที่ปรากฏทางตาต้องอาศัยตาจึงเรียกจิตนั้นว่า จักขุวิญญาณ จิตได้ยินเสียงทางหูต้องอาศัยหู จึงเรียกจิตนั้นว่า โสตวิญญาณ จิตได้กลิ่นทางจมูกต้องอาศัยจมูก จึงเรียกจิตนั้นว่า ฆานวิญญาณ จิตลิ้มรสทางลิ้นต้องอาศัยลิ้น จึงเรียกจิตนั้นว่า ชิวหาวิญญาณ จิตรู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว ต้องอาศัยกาย จึงเรียกจิตนั้นว่า กายวิญญาณ
มโน หมายความว่า จิตเป็นสภาพที่รู้แจ้งอารมณ์จึงเรียกจิตว่า มโน เพราะจิตเป็นสภาพที่น้อมไปสู่อารมณ์หรือน้อมไปรู้อารมณ์เท่านั้น ไม่ไปที่อื่น
หทัย มาจากภาษาบาลีว่า หทย หมายถึงสิ่งที่อยู่ภายในที่สุด
จิต เป็นสิ่งที่มีจริง ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปสืบต่ออยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เกิดจนตาย และแม้ตายแล้ว ก็มีจิตเกิดดับสืบต่อเป็นภพชาติต่อ ๆ ไป
ความเปลี่ยน
เพราะไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจพระธรรมคำสอน จึงเข้าใจว่า เป็นตัวตนที่เป็นคนมีจิตอย่างนั้น อย่างนี้ มีจิตซึ่งไม่เกิดดับ เที่ยง ยั่งยืน ซึ่งจิตอยู่ไหน ก็ไม่รู้ ได้แต่พูดโดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
และเข้าใจผิดว่าวิญญาณเป็นพวกผี หรือ สิ่งที่ล่องลอยออกจากร่างของคนตาย และ ส่วนคำว่า หทัย ก็เข้าใจว่าเป็นก้อนหัวใจ เท่านั้น
สำหรับคำว่า อารมณ์ ก็กล่าวที่ปลายเหตุว่าอารมณ์ดี อารมณ์เสีย อารมณ์ไม่ดี โดยที่ไม่เข้าใจเลยว่า ทุกขณะไม่เคยปราศจากอารมณ์เลย เพราะทุกขณะที่จิตเกิดขึ้น ต้องรู้อารมณ์
การศึกษาพระธรรมให้เข้าใจเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้เห็นผิดไม่ให้เข้าใจผิดจากความเป็นจริงของสภาพธรรม
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่