ทั้งหมด อะไรคือความจริง?
問者: 我的小貓不見了,我很傷心。但今天傷心的程度好多了還有一點點。 老師對此事有如何的看法?
ผู้ถาม: แมวของดิฉันหายไปแล้ว ใหม่ๆ ดิฉันเสียใจมาก แต่มาถึงวันนี้ระดับความเสียใจได้ลดลงไปมากแล้ว แต่ก็ยังคงเหลืออยู่นิดหน่อย ท่านอาจารย์มีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?
Ajhan Sujin: 我們能作什麼嗎?
อ.สุจินต์: เราสามารถที่จะทำอะไรได้ไหม?
問者: 不能。
ผู้ถาม: ไม่ได้ค่ะ
Jon: 就算是只是一天就可以有貪愛,即使是一眼,貪愛立即就有了,這就是五個感官門累積的貪愛執取。
จอน: แม้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้นก็ติดข้องแล้ว หรือแม้แต่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น โลภะก็เกิดขึ้นทันที นี่คือ การสะสมของโลภะความติดข้องในกามทั้ง 5 ทวาร
例如,打開電視看足球比賽時,這兩隊都不認識,可是很快的,就會去選擇比較喜歡的是哪一隊。 看到了,喜歡。看到了,不喜歡。這都是長久以來累積的習性。我們應該去知道的就是這個貪愛,想要留住它,執取它。所以,貪愛就是,為什麼會傷心的因緣條件。
เช่น ในเวลาที่เปิดทีวีดูฟุตบอล ไม่ได้รู้จักทั้งสองทีมเลย แต่ด้วยความรวดเร็วก็เลือกทันทีว่าชอบทีมไหนมากกว่ากัน เห็น แล้วก็ชอบ เห็น แล้วก็ไม่ชอบ นี่คืออุปนิสัยที่ได้สะสมมาแล้วนานแสนนาน สิ่งที่เราควรที่จะรู้จักคือโลภะ ที่อยากจะรั้งเขาไว้ ยึดเขาไว้ ดังนั้น โลภะจึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยจึงเสียใจ
因此,這就是我們日常生活中自然會發生的一部分。但,我們記不記得佛陀的教導是什麼? 佛陀的教導是瞭解現在正在出現的法。 不管是因為在一起的時候,那個時候愉悅的感受。或者是分離的時候,那個時候悲傷的感受,感受是一個法,只是感受,感受它有愉快或不愉快。
เพราะฉะนั้น นี่เป็นเรื่องธรรดาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่เราพอจะจำได้ไหมว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่าอย่างไร? คำสอนของพระองค์คือเข้าใจในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอยู่ด้วยกันจึงรู้สึกสุข หรือพลัดพรากจากกันจึงรู้สึกทุกข์ เวทนาเป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่ง ที่เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น ความรู้สึกมีทั้งสุขและทุกข์
當智慧建立到一定的程度的時候,智慧是可以去瞭解那個感受的。不管是愉快的感受,或不愉快的感受,它們都沒有什麼差別,它們都是同一個法,就只是感受。 在佛陀的教導裡面,這個感受就是感受,不管它是開心的,愉快的。還是,傷心的,不愉快的。它們的特徵一樣的就只是去感受,感受就是感受。 這個例子也告訴了我們,佛陀的教導對所有的情況下都是一樣的。法是跟情況不相關的,因為,法的本質不管在任何的情況下,都是一樣的。
ในขณะที่ปัญญาความเข้าใจถูกอบรมเจริญขึ้นถึงระดับหนึ่ง ปัญญาสามารถที่จะเข้าใจความรู้สึกนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกดีใจหรือว่าเสียใจ ความรู้สึกก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรเลย เป็นแต่เพียง สภาพธรรมอย่างหนึ่ง คือความรู้สึก ในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวทนาก็คือเวทนา คือความรู้สึก ไม่ว่าจะรู้สึกดีใจ สุขใจ หรือเสียใจ เศร้าใจ ก็มีลักษณะเฉพาะที่เหมือนกันก็คือเพียงรู้สึกเท่านั้น เวทนาก็คือเวทนา หรือจะกล่าวว่า ความรู้สึกก็คือความรู้สึก ตัวอย่างนี้ได้บอกอะไรพวกเราอย่างหนึ่ง คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรหรือสถานการณ์ใด ทั้งหมดคือเหมือนกัน สภาพธรรมกับเรื่องราวไม่เหมือนกัน เพราะว่าโดยตัวธรรมะแล้วไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นไปอย่างไรก็ตาม สภาพธรรมคือเหมือนกัน โดยที่ว่าเกิดขึ้นแล้วเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
Sarah: 就像剛剛老師說的,你能作什麼嗎?誰都無法作什麼。 當我聽到小伴的故事時,我就回憶起40年前的故事。當我在倫敦時,我也曾經有過一隻小貓,甚至還會帶著小貓去上班。 有一天,小貓被車撞到了。當然,那時的我也很傷心。這麼多年以來我也沒有想到這件事情,可是剛剛聽到你的故事,就立刻想起來了。所以,這就是沒有誰能作什麼,它是因為有因緣條件而生起,回憶也是因為有因緣條件。
ซาร่า: ก็เหมือนกับที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวตอนต้น ว่าคุณสามารถที่จะทำอะไรได้ไหม? ใครก็ไม่สามารถไปทำอะไรได้เลย ในขณะที่ดิฉันได้ยินเรื่องราวของปาล ทำให้ดิฉันหวนระลึกถึงเรื่องราวเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว ตอนที่ดิฉันอยู่ที่ลอนดอนนั้น ดิฉันก็เคยมีลูกแมวตัวหนึ่ง ถึงกับขนาดพาเขาไปทำงานด้วย อยู่มาวันหนึ่ง ลูกแมวได้ถูกรถชน แน่นอนว่าตอนนั้น ดิฉันเสียใจมาก ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วดิฉันไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลย แต่เมื้อกี้ได้ยินเรื่องของปาล ก็ทำให้นึกถึงขึ้นมาทันทีทันใด นี่คือไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เพราะมีเหตุปัจจัยให้นึกถึง นึกถึงจึงเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัยให้เกิด
因此,我們都不會知道,下一刻是在看、在聽、在聞、在嚐、在碰觸、或者是在想。會是如理作意善的思考,還是不如理作意不善的思考,一切都是因緣條件而生起,下一刻是什麼會生起,我們都不知道。所以,當感到悲傷的時候,智慧是可以瞭解那個時候的悲傷。
ด้วยเหตุนี้ เราไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่าขณะต่อไปจะเป็นขณะที่กำลังเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส หรือจะเป็นคิดนึก จะเป็นโยนิโสนมสิการที่คิดเป็นไปในกุศล หรือว่า อโยนิโสมนสิการที่คิดเป็นไปในอกุศล ทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นเพราะเหตุปัจจัย ขณะต่อไปอะไรจะเกิด เราไม่สามารถที่จะรู้ได้เลย เพราะฉะนั้นเวลาที่รู้สึกเสียใจ ปัญญาสามารถเข้าใจในความรู้สึกเสียใจในขณะนั้นได้
如理作意的因緣條件是能夠聽到正確的佛法,所以,只是法,所謂的人、貓、就只是不同的五蘊在生滅而已。每一個心都有作意心所伴隨,不管是善心、不善心、果報心、唯作心都有。但是善的作意或不善的作意都是在速行心,所以想著貓是善或者是不善是在速行心的時候。
เหตุปัจจัยของโยนิโสมนสิการ คือการที่ได้ยินพระธรรมคำสอนที่ถูกต้อง สิ่งที่ปรากฏเป็นเพียงธรรมะเท่านั้น ที่เข้าใจว่าเป็นคน เป็นแมว ก็เป็นเพียงแค่การเกิดขึ้นดับไปของขันธ์ห้าในแต่ละขันธ์เท่านั้นเอง มนสิการเจตสิกเกิดขึ้น กับจิตทุกดวง ไม่ว่าจะเป็นกุศลจิต อกุศลจิต วิบากจิต กิริยาจิต แต่มนสิการที่เป็นไปในกุศลหรือมนสิการที่เป็นไปในอกุศลนั้นเกิดขึ้นที่ชวนจิต ดังนั้นการคิดถึงแมวที่จะเป็นกุศลหรืออกุศลนั้นก็เกิดขึ้นที่ชวนจิต
問者: 當聆聽佛法的時候好像是什麼都能解決,可是當下在面對那個傷心的時候,所聽所聞過的法也沒有因緣條件生起,原來學過的法和在當下那一刻發生的是兩回事,謝謝。
ผู้ถาม: ในขณะที่ฟังพระธรรมเหมือนกับว่าทุกอย่างนั้น ไม่เป็นปัญหาเลย แก้ไขได้หมด แต่ตอนที่เผชิญกับความเสียใจในขณะนั้น สิ่งที่เคยได้ยินได้ฟังไม่ได้มาเป็นปัจจัยเลย ถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เราศึกษามากับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นคนละเรื่องกันเลย ขอบคุณค่ะ
Sarah: 生命就只是現在這一刻。所以,不管是想著貓的時候,是悲傷的,是快樂的,或者聽到佛法的真相,感到喜悅舒心,這些都是生起就滅去了。 瞭解現在的法能解決一切的問題,當你感到對法歡喜的時候,你是沒有想到剛剛提到的那個問題。那個時候,就只是感激你所聽到佛法的真相而已。 通常,當我們想著我理智上的瞭解跟在日常生活中所經歷的時候是兩回事,差距很大,認為我的瞭解還不夠,那個時候,我們就把智慧當成是我的,所以才會那麼的在意在乎為什麼差距會這麼大。都忘了那只是法,不是人,不是誰,不是任何某個東西。
ซาร่า: ชีวิตเป็นเพียงเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นขณะที่คิดถึงแมว เป็นทุกข์ เป็นสุข หรือขณะที่ได้ยินความจริงของพระธรรม ว่าอะไรคือความรู้สึกที่สุขใจ สบายใจ ทั้งหมดนั้นได้เกิดขึ้นและดับไปแล้ว การเข้าใจในเดี๋ยวนี้สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง ในขณะที่คุณรู้สึกซาบซึ้งในธรรมะ ขณะนั้นคุณก็ไม่ได้คิดถึงในคำถามที่คุณถามเมื่อสักครู่นี้แล้ว ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงความซาบซึ้งในการที่ได้รับฟังความจริงของธรรมะเท่านั้นเอง โดยปกติแล้ว เวลาที่เราคิดว่าความเข้าใจในขั้นปริยัติกับเวลาที่ต้องประสบสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันนั้น เป็นคนละเรื่องกัน ช่างห่างไกลกันมาก เราเข้าใจว่าเพราะความเข้าใจของเรานั้นยังไม่พอ ในขณะนั้น เรายึดความเข้าใจนั้นว่าเป็นของเรา ดังนั้น จึงใส่ใจให้ความสำคัญว่าทำไมความห่างจึงได้ห่างกันมากเช่นนี้ ลืมไปเลยว่าเป็นเพียงธรรมะ ไม่ใช่คน ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด
Ajhan Sujin: 現在這一刻的真相是什麼? 在這一刻,沒有真相嗎? 現在,大部分都是無明,無明邪見讓我們以為是有人、有東西、有動物、有貓。其實就只是 “影子” (nimitta) ,在想著這些影子的概念而已。 整天都只是影子而已,都已經過去了。現在在出現的是什麼,例如,在看。誰能夠愈來愈靠近,逐漸的靠近,在看和被看到的是什麼? 在看就只是在看,被看到的就只是被看到。倘若我們不討論現在這一刻的真相是什麼,它們就不可能被知道。無明太深,所以不是那麼容易就可以瞭解真相。我們應該去想想,為什麼,現在,明明就有法在生起,可是為什麼它沒有出現被知道。
อ.สุจินต์: ความจริงที่มีเดี๋ยวนี้ ขณะนี้คืออะไร? ในขณะนี้ไม่มีความจริงหรือ? เดี๋ยวนี้ โดยมากแล้วเป็นความไม่รู้ ทิฏฐิความเห็นผิดทำให้เราเข้าใจว่ามีคน มีสิ่งของ มีสัตว์ มีแมว แต่ความจริงเป็นเพียงแค่ "นิมิต" เป็นเพียงกำลังคิดถึงเรื่องราวบัญญัติของนิมิตเท่านั้นเอง ตลอดทั้งวันเป็นเพียงแค่นิมิตเท่านั้นเอง ทั้งหมดได้ผ่านไปหมดแล้ว เดี๋ยวนี้ สิ่งที่กำลังปรากฎคือ อะไร เช่น เห็น ใครสามารถที่จะค่อยๆ เข้าใกล้เห็นและสิ่งที่ถูกเห็นนั้นว่าคืออะไร? เห็นเป็นเพียงแค่เห็น สิ่งที่ถูกเห็นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ถูกเห็น ถ้าหากว่า เราไม่สนทนาถึงความจริงของเดี๋ยวนี้ ว่าขณะนี้คืออะไร ก็จะไม่สามารถเข้าใจความจริงของสิ่งเหล่านั้นได้
就一直去想著,比如,出現的貓或者是其他的人或東西,去想著出現的形狀形體。但,現在這一刻的真相是很細微,很深奧,它沒有被知道,被蓋住了。 法的生滅太快了,我們是不會發現或者是看到那個被掩蓋住的真相。
ได้แต่คิดไปตลอด เช่นที่ปรากฎเป็นแมว เป็นสิ่งของ หรือเป็นคนอื่นๆ ไปคิดถึงสิ่งที่ปรากฎเป็นรูปร่างสันฐาน แต่ความจริง เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ละเอียด ลึกซึ้ง ยังไม่รู้ ถูกปิดบังเอาไว้ การเกิดดับของสภาพธรรมนั้นรวดเร็วมาก เรานั้นไม่อาจรู้หรือว่าเห็นความจริงของสภาพธรรมที่ถูกปิดบังเอาไว้
倘若沒有任何法生起,會有我們所認為的這些事情的影子嗎? 所以那個被隱藏起來的,一劫一劫以來的真相是什麼? 現在有沒有瞭解在那裡的究竟實相是什麼?
ถ้าไม่มีสภาพธรรมอะไรเกิดเลย จะมีสิ่งที่เราคิด มีเรื่องราวของนิมิตไหม? ดังนั้นสิ่งที่ถูกซ่อนเอาไว้มานานแสนนาน มาแต่ละกัปป์ แต่ละกัปป์นั้น ความจริงคืออะไร? เดี๋ยวนี้มีความเข้าใจ ความจริงของปรมัตถ์ไหมว่าคืออะไร?
不管是什麼時刻,在看、在聽、在聞、在嚐、在碰觸、在想。倘若沒有這些時刻,可以有生命嗎? 那,現在這一刻的生命是什麼? 當它正在出現的時候,它可以被知道嗎? 例如,在日常生活中,有沒有那麼一刻的想過,眼識是什麼嗎? 那個在看是什麼?看就只是在看,能知道這個看的真相了嗎?
ไม่ว่าจะเป็นขณะใดก็ตาม เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส คิดนึก ถ้าไม่มีขณะเหล่านี้ สามารถที่จะมีชีวิตไหม? แล้วเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ชีวิตคืออะไร? ในขณะที่สิ่งนั้นกำลังปรากฎ สิ่งนั้นสามารถที่จะถูกรู้ได้ไหม? เช่นในชีวิต เคยคิดบ้างไหมว่าจิตเห็นคืออะไร? เห็นคืออะไร? เห็นเพียงเห็นเท่านั้น สามารถที่จะเข้าใจความจริงของเห็นแล้วหรือยัง?
似乎一整天都在看,但,真相不是這樣的。眼識生起很快就滅去了,它不可能整天都在看。眼識去看之前有什麼? 想著貓。 在看的那一刻,剛剛在想著貓,那個“想”現在在哪裡? 你還會再一次,去想著那個貓一次嗎? 想著貓它就只是思考的一刻,思考的所緣是那個貓。 所以,其實就只是在看、在聽、在聞、在嚐、在碰觸、在想。生命就一直這樣的在六個感官門之一經驗,一直的生起滅去。就如夢境,一直想著,有我、東西。 那,它們現在在那裡?
ดูเหมือนว่าเห็นมีอยู่ตลอดทั้งวัน แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลย จิตเห็นเกิดขึ้นดับไปอย่างรวดเร็ว เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะเห็นตลอดทั้งวัน ก่อนที่จิตเห็นจะเกิดขึ้นนั้นมีอะไร? คิดถึงแมว ในขณะที่เห็น ที่กำลังคิดถึงแมวเมื่อครู่นั้นที่"คิด"อันนั้นอยู่ไหน? คุณสามารถที่จะกลับไปคิดถึงแมวได้อีกไหม? เป็นเพียงแค่คิด ขณะเดียวเท่านั้น อารมณ์ของคิดคือแมวตัวนั้น ดังนั้น ความจริงเป็นเพียงแค่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส คิดนึก เท่านั้น ชีวิตคือหนึ่งในสภาพรู้ทั้ง 6 ทาง ที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างนี้ตลอด แล้ว เดี๋ยวนี้สิ่งเหล่านี้อยู่ไหน?
究竟實相就是,這些法生起立即就滅去,再也不會回來。剛才那個去想著貓現在在那裡? 真相就是現在,但是不知道。 三藐三佛陀把真相告訴我們,真相就只是現在這一刻。現在就只是影子,我們只是活在影子的世界裡,過去,現在,未來,都只是這些法。 在思考什麼是影子的時候,那個時候也可以,漸漸的去靠近真相。 法的深奧是難以瞭解。所以,不管我們討論了幾次都 是不夠的。因為,在累劫累世裡所累積的無明太深,所以不是那麼容易就可以瞭解真相。我們應該去想想,為什麼,現在,明明就有法在生起,可是為什麼法它沒有出現被知道呢?
ความจริงที่เป็นปรมัตถ์คือ สภาพธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วดับไปทันที ไม่กลับมาอีกเลย ที่คิดถึงแมว เดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหน? ความจริงคือเดี๋ยวนี้ แต่ว่าไม่รู้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงความจริงแก่พวกเรา ความจริงคือเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ และเดี๋ยวนี้ก็เป็นเพียงนิมิตเท่านั้น เรามีชีวิตอยู่ในโลกของนิมิต อดีต ปัจจุบัน อนาคต ก็เป็นเพียงสภาพธรรมเหล่านี้เท่านั้น ในขณะที่กำลังพิจารณาว่านิมิตคืออะไร ขณะนั้นก็สามารถที่จะค่อยๆ เข้าใกล้ความจริง ความจริงลึกซึ้ง รู้ได้ยาก ดังนั้นไม่ว่าเราจะสนทนากันกี่ครั้งก็ไม่พอ เพราะเหตุว่าในสังสารวัฎฏ์ที่ผ่านมานั้น อวิชชา ความไม่รู้ ได้สะสมไว้ลึกมาก เพราะฉะนั้น ความจริง ไม่ใช่สิ่งที่สามารถจะเข้าใจได้โดยง่าย เราควรที่จะคิดดูว่า เดี๋ยวนี้สภาพธรรมก็กำลังมี กำลังปรากฎ แต่ทำไมจึงไม่รู้จักสภาพธรรมนั้น?
就如我們看繪畫的時候,畫裡面有房子、有車子,實際上是沒有,它只是顏色而已。所以,智慧的累積是漸漸的,慢慢的,一點一點的,直到真的有堅定的信心,出現的只是法,沒有任何東西的存在。 看到一隻貓在家裡面走,這個是真相嗎? 表面上看起來好像是有人坐著,有貓在家裡面走,但事實上,就只是不同的法在生滅。即使是沒有貓,你也是會認為有門、有椅子、有其他東西的存在。 所以,現在,生命的真相並不是我們看到的樣子,生命的真相就只是法在生滅。在我們的生命,為什麼我們會以為是有人出生了,有人死掉了呢?是因為錯誤的見解,誤認為是有人的存在,事實上生命的真相從來都沒有任何人存在過。
ก็เหมือนกับเวลาที่เราดูรูปภาพ ในรูปนั้นมีบ้าน มีรถ แต่จริงๆ แล้วไม่มี ในรูปนั้นเป็นเพียงแค่สีเท่านั้น เพราะฉะนั้น การสะสมของปัญญาต้องเป็นไปอย่างค่อยๆ ช้าๆ ทีละนิดๆ จนกระทั่งถึงความมีศรัทธาที่มั่นคงว่า สิ่งที่ปรากฎเป็นเพียงธรรมะ ไม่เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างที่เราเคยคิดและเข้าใจเลย การเห็นแมวตัวหนึ่งเดินไปมาอยู่ภายในบ้าน นี่เป็นความจริงไหม? ดูเหมือนกับว่ามีคนนั่งอยู่ มีแมวเดินไปเดินมาอยู่ภายในบ้าน แต่ความจริงคือ เป็นเพียงการเกิดดับของสภาพธรรมแต่ละอย่าง ถึงแม้ว่าจะไม่มีแมว เราก็ยังคงเข้าใจว่ามีประตู มีเก้าอี้ ยังคงมีสิ่งอื่นๆ อยู่ดี เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ ความเป็นจริงของชีวิต ไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็น ความจริงของชีวิตเป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดดับเท่านั้น ตลอดชีวิตของเรา ทำไมเราจึงเข้าใจว่ามีคนเกิด มีคนตาย? นั่นเป็นเพราะความเห็นผิด เข้าใจผิดว่ามีคน แท้ที่จริง ความจริงของชีวิตคือไม่เคยมีใครมาก่อนเลย
出現的所緣立刻就成為貪愛執取抓住的目標,即使是還沒有成為概念,經由感官經驗之後就立刻成為貪愛的對象,成為貪愛的目標了。當它們開始成為一個什麼人,什麼東西的時候,例如,小孩或貓,那個貪愛執取又更深了。 現在這一刻的法會成為接下來的法生起的因緣條件,非常的快,我們是不知道的。 有人可以阻止眼識生起嗎? 有誰可以阻止眼識不要滅去嗎? 是誰在瞭解這些法?
ทันทีที่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดปรากฎ โลภะก็ยึดถือติดข้องในสิ่งนั้นทันที แม้ยังไม่ทันได้เป็นบัญญัติ เพียงเกิดขึ้นรู้ในทางใดทางหนึ่ง อารมณ์นั้นก็เป็นสิ่งที่โลภะเกิดขึ้นยึดถือติดข้องทันที ในขณะที่สิ่งนั้นเป็นคน หรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น เด็กหรือแมว ขณะนั้นกำลังของโลภะที่ยึดถือก็ยิ่งมีกำลังเพิ่มขึ้น สภาพธรรมในเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ก็จะเป็นปัจจัยให้ขณะต่อไปเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เราไม่สามารถที่จะรู้ได้เลย มีใครสามารถที่จะห้ามการเกิดขึ้นของจิตเห็นไหม? มีใครสามารถที่จะห้ามไม่ให้จิตเห็นดับได้ไหม? แล้วเป็นใครที่กำลังรู้ในสภาพธรรมเหล่านี้?
倘若沒有謹慎的去思考真相,能夠真的去接受在出現的法,只是法,沒有人跟東西嗎? 什麼比較有利益,是“無明”還是“智慧”去瞭解? 如果沒有謹慎的去思惟真相,沒有思慧,沒有忍耐波羅蜜,誠實波羅蜜。會真的愈來愈瞭解,現在這一刻的真相嗎? 有智慧生起去瞭解真相的那一刻,是非常的珍貴的,但是,只是一刻是不夠的。只有行一切善,培養善。不斷的,大量的,聽聞佛法,瞭解佛法。才能夠真的慢慢累積智慧生起的這一刻,逐漸增加。 那麼,即使現在,累積智慧生起的時刻不多,智慧還很弱,但是智慧它是會增加的。智慧它會逐漸的累積,直到有一天智慧是能夠體證四聖諦的。 去瞭解的智慧它也是有因緣條件而生起。
ถ้าไม่พิจารณาความจริงอย่างละเอียดรอบคอบ จะเข้าใจว่าสิ่งที่กำลังปรากฎเป็นเพียงธรรมะ ไม่มีคน หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลยได้ไหม? ระหว่าง“อวิชชา”ความไม่รู้ กับ “ปัญญา”ความเข้าใจ อะไรเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่ากัน? ถ้าไม่พิจารณาความจริงอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่มีปัญญาขั้นคิดพิจารณา ไม่มีขันติบารมี ไม่มีสัจจะบารมี จะสามารถเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ได้ไหม? ขณะที่ปัญญาเกิดขึ้นเข้าใจความจริง เป็นขณะที่มีค่ายิ่ง แต่เพียงแค่ขณะเดียวนั้นยังไม่พอ ต้องอาศัยการอบรมเจริญกุศลทุกประการ ไม่ขาดการฟังธรรมะ พิจารณาธรรมะ บ่อยๆ เนืองๆ จึงจะสามารถค่อยๆ สะสมปัญญาที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้การสะสมปัญญาที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะนั้นยังไม่มากพอ ปัญญายังอ่อนมาก แต่ปัญญาสามารถที่จะค่อยๆ สะสมเพิ่มขึ้นได้ จนกระทั่งถึงวันที่ปัญญาสามารถรู้แจ้งในอริยสัจ 4 ได้ ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกมีเหตุปัจจัยให้เกิดจึงเกิด
即使是看到貓在走來走去的時候,那個時候也有可能 有智慧生起,瞭解什麼才是真相。即使是那個時候有無明邪見把它當成,實際的有一個貓的存在,有愉快的感受,或不愉快的感受,它都是個機會可以被瞭解的對象。因此,智慧是所有生滅的法最好的,最珍貴的法。 現在有智慧,有正確的瞭解嗎? 即使是這個字也不見得真的瞭解它的含義。 正確是什麼意思? 瞭解是什麼意思? 瞭解又瞭解什麼?
แม้ในขณะที่เห็นแมวเดินไปเดินมา ขณะนั้น ปัญญาก็อาจจะเกิดขึ้นเข้าใจได้ว่าอะไรคือความจริง ถึงแม้ว่าในขณะนั้นยังมีอวิชชาความเห็นผิดยึดถือในสิ่งนั้นว่าเป็นแมวที่มีอยู่จริงๆ มีสุขเวทนา มีทุกขเวทนา ทั้งหมดนี้ก็เป็นโอกาสที่จะนำไปสู่ความเข้าใจในอารมณ์นั้นได้ เพราะฉะนั้นในบรรดาสภาพธรรมที่เกิดดับทั้งหลาย ปัญญาประเสริฐสุด เป็นสภาพธรรมที่มีค่าที่สุด เดี๋ยวนี้มีปัญญา มีความเข้าใจที่ถูกต้องไหม? แม้คำๆ นี้ มีความเข้าใจในอรรถของคำจริงๆ แค่ไหน? ถูกต้องมีความหมายว่าอย่างไร? เข้าใจมีความหมายว่าอย่างไร? เข้าใจแล้ว เข้าใจอะไร?
問者: 瞭解就是瞭解現在正在出現的法。
ผู้ถาม: เข้าใจก็คือเข้าใจในสภาพธรรมเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏ
Ajhan Sujin: 有任何的瞭解了嗎,並不是一隻貓,只是法嗎?
อ.สุจินต์: มีความเข้าใจใดๆ แล้วหรือยังว่าไม่ใช่แมวตัวหนึ่ง เป็นเพียงธรรมะ?
問者: 還沒有。
ผู้ถาม: ยังไม่มีค่ะ
Ajhan Sujin: 還沒有直接經驗法的瞭解,那有沒有理智上的瞭解,它只是法,它不是一隻貓?
อ.สุจินต์: ยังไม่มีความเข้าใจที่รู้ตรงสภาพธรรม แล้วมีความเข้าใจในขั้นปริยัติหรือยังว่า เป็นเพียงธรรมะ ไม่ใช่แมวตัวหนึ่ง?
問者: 現在這一刻聽到老師這麼問,好好的想想,的確只是顏色就是色塵而已,都不是一隻貓。
ผู้ถาม: ในขณะที่ได้ยินท่านอาจารย์ถามอย่างนี้ พอคิดพิจารณาดีๆ ก็เป็นเพียงสิ่งที่สามารถปรากฏให้เห็นได้เท่านั้น ไม่ได้มีแมวตัวหนึ่งเลย
Ajhan Sujin: 堅定了嗎?
อ.สุจินต์: มั่นคงแล้วหรือยัง?
問者: 好難回答喔~,好像很堅定了。但,經過這件事情,才知道自己根本還沒有什麼堅定。所以,我不知道該怎麼回答,請老師指出問題。
ผู้ถาม: ตอบยากมาก เหมือนกับว่ามั่นคงแล้ว แต่เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ ถึงได้ทราบว่าตัวเองยังไม่ได้มีความมั่นคงอะไรเลย จึงไม่ทราบว่าควรจะตอบอย่างไรดี ขอท่านอาจารย์ช่วยชี้ความละเอียดในเรื่องนี้
Ajhan Sujin: 被看到的只是顏色,只是色塵,這是不是真的?
อ.สุจินต์: สิ่งที่ถูกเห็นเป็นเพียงสีหรือสิ่งที่สามารถปรากฏให้เห็นได้ทางตาเท่านั้น เป็นเพียงแค่สีเท่านั้น นี่จริงหรือว่าไม่จริง?
問者: 是真的。
ผู้ถาม: จริงค่ะ
Ajhan sujin: 這就是去瞭解真相的開始。
อ.สุจินต์: นี่ก็คือการเริ่มต้นที่จะเข้าใจ
問者: 當我看見的是一隻貓,是某個東西時。好像又有另外一個心,來提醒自己,那個我看到的不是貓,也不是我看到貓。
ผู้ถาม: ในขณะที่เห็นเป็นแมวตัวหนึ่ง หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็เหมือนมีจิตอีกอย่างหนึ่งมาเตือนตัวเองว่าสิ่งที่เราเห็นเป็นแมวนั้นก็ไม่ใช่เราที่เห็นเป็นแมว
Ajhan Sujin: 這就是真相,被看到的並不是貓,去看的也不是我。現在這一刻我們還是會把他當成、人、貓、或某個東西。這樣的出現,它就是無明邪見的出現,它本來就這樣的出現,就只是法,不是我,無我。
อ.สุจินต์: ความจริงคือ สิ่งที่ถูกเห็นไม่ใช่แมว เห็นก็ไม่ใช่เรา เดี๋ยวนี้ ขณะนี้เราก็ยังคงยึดถือว่าเป็นคน เป็นแมว หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด นี่เพราะอวิชชาความไม่รู้ และความเห็นผิด เขาเกิดขึ้น อย่างนี้ เป็นเพียงธรรมะ ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา
Sarah: 不管是,眼、耳、鼻、舌、身、意。不管是哪一個根門心的生滅,本來就會有不同的時刻,正確的瞭解和錯誤的瞭解。 倘若,有別的想法,例如,在乎我的堅定還不夠,我的瞭解還不夠堅定,我的信心還不夠堅定,那個就是錯誤的道路了。不要低估在日常生活所出現一點點的正確的瞭解,它是很珍貴的。 在幾年前,我曾經跟一位法友,有過一段很長的討論,關於“如理作意”(yonisomanasikara)那個朋友認為,所謂的 “如理作意” 刻意專注在那個對象。 之後,我的朋友就瞭解了,其實,他所瞭解的如理作意並不是正確的道路,他也能慢慢的瞭解什麼才是真正如理作意。智慧的累積是自然而然的生起的,不管是在什麼情況下,生病、健康、游泳、下廚、吃飯、或者是去作什麼事情都好。每一刻只是因緣生滅的法,沒有任何人,事物,或某個東西。 我的這位朋友也開始心生歡喜,感悟佛陀的教導,他說,不管現在是如理作意還是不如理作意,一切都是 因緣和合,一切都不是我,沒有我去作什麼。然而我還必須要更多的,繼續不斷的聆聽佛法,更能靠近,更能感悟,諸法無我。(all dhamma are anatta)我的這位朋友剛去世不久,“名叫 Roti”。 所以,我們並不知道下一刻會是什麼,這就是為什麼老師會提到,智慧的生起是最珍貴的。因此,不要低估智慧的出現,即使只是渺小的智慧,但它會慢慢的累積在心裡。
ซาร่า: ไม่ว่าจะเป็นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ว่าจะเกิดดับทางทวารไหน ก็ย่อมมีขณะที่แตกต่างกัน ขณะที่เข้าใจถูก และ ขณะที่เข้าใจผิด ถ้าหากว่ามีความคิดอย่างอื่นเช่น มัวแต่ใส่ใจว่าตัวเองยังไม่มั่นคงพอ ความเข้าใจของเรายังไม่มั่นคงเลย การคิดอย่างนั้นคือหนทางที่ผิด อย่าประมาทปัญญาที่เกิดขึ้นแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะแม้เล็กน้อย แต่เป็นสิ่งที่มีค่ามาก เมื่อหลายปีก่อน ดิฉันเคยมีประสบการณ์การสนทนากับสหายธรรมท่านหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาที่นานมาก เกี่ยวกับเรื่อง "โยนิโสมนสิการ" เพื่อนท่านนั้น เขาเข้าใจว่า "โยนิโสมนสิการ"คือต้องตั้ง มั่นใส่ใจในอารมณ์นั้นเป็นพิเศษ แต่หลังจากนั้น เพื่อนของดิฉันคนนี้เขาเริ่มเข้าใจ ว่าสิ่งที่เขาเคยเข้าใจเกี่ยวกับมนสิการนั้นไม่ถูกต้อง การที่ค่อยๆ เข้าใจอะไรถูกต้องมากขึ้น ว่าอะไรคือโยนิโสมนสิการจริงๆ การสะสมของปัญญาเกิดขึ้นเองตามปกติธรรมดา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม เจ็บป่วย แข็งแรง ว่ายน้ำ เข้าครัว ทานข้าว หรือไปทำธุระอะไรสักอย่าง ทุกขณะเป็นเพียงการเกิดดับตามเหตุตามปัจจัย ไม่มีคน ไม่มีเรื่องราว หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย เพื่อนท่านนี้เขาก็เกิดความสุขใจ ซาบซึ้งในพระธรรมคำสอน และยังได้กล่าวว่า ไม่ว่าเดี๋ยวนี้จะโยนิโสมนสิการ หรืออโยนิโสมนสิการ ทั้งหมดคือเหตุปัจจัย ทั้งหมดไม่ใช่เรา ไม่มีเราไปทำอะไร และผมก็ยังต้องยิ่งฟังพระธรรมต่อไป ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งซาบซึ้งในคำว่า สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรมทั้งหลาย ไม่ใช่เรา เพื่อนของดิฉันท่านนี้เขาเพิ่งจากไปได้ไม่นานมานี้เอง เขาชื่อคุณโรตี ดังนั้น เราไม่อาจที่จะรู้ได้เลยว่าขณะต่อไปจะเป็นอะไร นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมท่านอาจารย์จึงกล่าวเตือน ว่าปัญญาแม้จะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ก็สามารถ ที่จะค่อยๆ สะสมไว้ในจิต
問者: 當我們傷心的時候,瞋恨心生起的時候,那時是瞋根心,它顯現出的現象是難過,傷心。但是,有些時刻都沒有傷心,都是在作別的事情,例如,在用心開車,但眼淚卻嘩啦啦的流下來。流淚是傷心,是瞋恨顯現出來的現象。但為什麼,那時都沒有感到傷心,我想,有可能嗎那一刻就是,純粹的第一個痴根心。
ผู้ถาม: ในตอนที่เรากำลังเสียใจ ตอนที่โทสะกำลังเกิดขึ้น ตอนนั้นคือโทสมูลจิต อาการปรากฎคือ ไม่สบายใจ เสียใจ แต่ในบางกรณีก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่เสียใจ กำลังทำอย่างอื่นอยู่ ตัวอย่างเช่น กำลังตั้งใจในการขับรถอยู่ น้ำตาก็พรั่งพรูไหลออกมา โดยมากเรามักจะเข้าใจว่าน้ำตาที่ไหลเป็นสภาพของโทสะความเสียใจ แต่ตอนนั้นไม่ได้เสียใจเลย ดิฉันจึงคิดว่าที่น้ำตาไหลนั้น เป็นไปได้ไหมว่าเป็นสภาพของโมหมูลจิตดวงที่หนึ่ง
Sarah: 心的生滅是非常的快,所以那一刻,不管是生起的是什麼法,一切都是緣起的法,不是我,愉快也好,傷心也好,一切都是有因緣條件而生起滅去。 事實上它就只是法不論是愉快的感受或不愉快的感受,它生起就滅了,它並不重要,它是苦,無常,無我。 因此,生命就只是在看的那一刻、在聽、在聞、在嚐、在碰觸、在想。法的真相是的確之真,不容易就能瞭解。但是,當瞭解的那一刻,就算是很渺小的瞭解,那一刻就是慢慢放掉錯誤的見解,有動物,有人,有我的存在。
ซาร่า: การเกิดดับของจิตนั้นรวดเร็วมาก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนั้นจะเป็นสภาพธรรมอะไรก็ตาม ทั้งหมดเป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรา จะสุขใจก็ดี จะเสียใจก็ดี ทั้งหมดมีเหตุปัจจัยจึงเกิดดับ เพราะเหตุนี้ ชีวิตจึงเป็นเพียงแค่ขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส หรือคิดนึกเพียงขณะนั้นเท่านั้น ความจริงของธรรมะเป็นจริงอย่างนี้ ไม่ใช่รู้ได้โดยง่าย แต่ว่าในขณะที่เข้าใจนั้นแม้จะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ขณะนั้นคือขณะที่ค่อยๆ ละคลายความเห็นผิดว่า มีสัตว์ มีบุคคล มีตัวเรา
Ajhan Sujin: 那,現在,什麼在那裡?有什麼正在 出現?
อ.สุจินต์: แล้ว เดี๋ยวนี้ มีอะไรอยู่ที่นั่น? มีอะไรกำลังปรากฎ?
問者: 聽見。
ผู้ถาม: ได้ยิน
Ajhan Sujin: 剛剛的聽見,那個聽見現在在哪裡?
อ.สุจินต์: ที่ได้ยินเมื่อเมื่อสักครู่นั้น ได้ยินอันนั้นอยู่ที่ไหน?
問者: 剛剛的那個聽見,不在了。
ผู้ถาม: ที่ได้ยินเมื่อครู่อันนั้น ไม่อยู่แล้ว
Ajhan Sujin: 不在了,已經沒有了。這就是絕對的真相。所以,沒有你、沒有房子、沒有貓、沒有朋友、沒有這些表面的現象並沒有真正的存在。
อ.สุจินต์: ไม่อยู่แล้ว ไม่มีแล้ว นี่คือความจริง เพราะ ฉะนั้น ไม่มีคุณ ไม่มีบ้าน ไม่มีแมว ไม่มีเพื่อน ใช่หรือไม่?
問者: 對,沒有。
ผู้ถาม: ใช่ ไม่มีแล้ว
Ajhan Sujin: 對真相的信心是一點一點,慢慢的增加,當真的在思考法的真相時,那一刻,也許真的瞭解正在想的那一刻,在想的那個法,只是在想,不是我。因為,聽聞佛法,思考佛法的累積,它會成為智慧生起去瞭解現在正在出現的法的因緣條件。
อ.สุจินต์: การที่จะศรัทธาในความจริงต้องทีละนิดทีละนิด ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำลังพิจารณาความจริงของสภาพธรรม ขณะนั้นบางทีอาจจะมีความเข้าใจเกิดขึ้นได้ในขณะที่กำลังคิด กำลังคิดนั้น ก็เป็นเพียงแค่สภาพคิดเท่านั้น ไม่ใช่เรา เพราะการสะสมของฟังธรรมะ การพิจารณาธรรมะ สามารถที่จะเป็นเหตุปัจจัยให้ปัญญาเกิดขึ้นเข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฎได้
因此,無我,就是這些法並沒有我,不是我的,這些 法是有因緣條件而生滅的,這樣的瞭解會成為瞭解真相的因緣條件。逐漸去靠近真相,就會有智慧覺知生起去瞭解那一刻正在出現的法。
ด้วยเหตุนี้ อนัตตาคือสภาพธรรมเหล่านี้ ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา มีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้นแล้วดับไป การเข้าใจอย่างนี้จะเป็นปัจจัยให้เข้าใจความจริง การค่อยๆ เข้าใกล้ความจริงจะทำให้ปัญญารู้ตรงสภาพธรรมที่กำลังปรากฎในขณะนั้นได้
即使,真相就在這裡,因為智慧不夠堅定,所以,不能夠真正的去瞭解接受這個真相。這些不同階段的智慧,都是可以慢慢的建立培養,慢慢的,一點一點的累積,直到能夠直接經驗法,有更高的智慧。 不管是什麼法生起,當然是不可能,是在誰的控制之下發生。沒有人可以作什麼,沒有誰可以控制什麼,法的生起是有因緣條件而生起,是緣起的。這個真相是要被瞭解的,否則這個真相就一直這樣的被蓋住。 即使是錯誤的思考或正確的思考,不管是對的或錯的,智慧也是會瞭解,它們就是這樣的發生。當智慧生起去瞭解的時候,智慧並不需要別人告訴它,它就 自己會去瞭解。
แม้ความจริงจะอยู่ที่ตรงนี้ แต่เพราะปัญญาไม่มั่นคงพอ ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะเข้าใจความจริงนั้นได้ ปัญญาที่ต่างระดับสามารถค่อยๆ อบรมเจริญขึ้นได้ ค่อยๆ สะสมทีละนิดทีละนิด จนกระทั่งสามารถที่จะรู้ตรงสภาพธรรมนั้นได้ เมื่อมีปัญญาที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใดก็ตามที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถที่จะบังคับให้เกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถที่จะทำอะไรได้ ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับอะไรได้เลย การเกิดขึ้นของสภาพธรรมนั้นเพราะมีเหตุปัจจัยให้เกิดจึงเกิด ต้องเข้าใจความจริงนี้ ไม่เช่นนั้นความจริงก็จะถูกบดบังอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ แม้การคิดที่ถูกต้องหรือความคิดที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ปัญญาก็สามารถที่จะเข้าใจได้ ว่าเขาเกิดขึ้นอย่างนี้ ในขณะที่ปัญญาเกิดขึ้นรู้นั้น ปัญญาไม่ต้องให้ใครมาบอก ปัญญาเขารู้เอง
瞭解什麼是正念覺知,什麼是正見的瞭解,智慧能夠瞭解這種不同的法。不是我去瞭解,是智慧瞭解。智慧逐漸瞭解的累積,會真的相信,不管在任何情況 下,其實是沒有人,沒有某個東西,無我。
เข้าใจว่าอะไรคือสติสัมปชัญญะ อะไรคือความเห็นที่ถูกต้อง ปัญญาสามารถเข้าใจในความต่างของสภาพธรรม ไม่ใช่เราเข้าใจ เป็นปัญญาที่เข้าใจ ปัญญาความเข้าใจที่ค่อยๆ สะสม สามารถที่จะเข้าใจจริงๆ ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ความจริงคือไม่มีคน ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย อนัตตา
當想要有更多的信心的那一刻,是什麼在那裡?
ในขณะที่ต้องการมีศรัทธาที่เพิ่มขึ้นขณะนั้นคืออะไร?
問者: 是貪愛,是想要,是想得到。
ผู้ถาม: คือโลภะ คือความต้องการ อยากที่จะได้
Ajhan Sujin: 倘若那一刻沒有智慧在那裡,當然是不可能瞭解那一刻正在出現的法是什麼。智慧,就是第四聖諦的道,智慧逐漸的增加,它能夠逐漸的放掉,放掉無明,放掉貪愛。除了正確的瞭解真相的智 慧沒有其它的道路。
อ.สุจินต์: ถ้าขณะนั้นไม่มีปัญญา แน่นอนว่าก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฎในขณะนั้นว่าคืออะไร ปัญญาก็คืออริยสัจที่ 4 "มรรค" ปัญญาที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น สามารถที่จะค่อยๆ ละ ละโมหะ ละโลภะ นอกจากปัญญาความเข้าใจที่ถูกต้องจริงๆ แล้ว นอกจากนี้ไม่มีหนทางอื่นเลย
對於四聖諦的“道”這條智慧的道路有沒有信心? 真諦就是現在。這就是為什麼波羅蜜很重要,因為波羅蜜的累積,會成為智慧能正確的去瞭解真相的因緣條件。 有沒有精進,耐心,能夠堅持繼續的去聽聞佛法,思考佛法,瞭解佛法。即使是愉快的時候或不愉快的時候,智慧是有可能去瞭解這個感受是什麼的。 下次還會看到貓嗎?
มีศรัทรามีความมั่นใจในหนทางของ"มรรค"ในอริยสัจ 4 คือปัญญานี้ไหม? อริยสัจ ก็คือเดี๋ยวนี้ นี่จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมบารมีจึงมีความสำคัญมาก เพราะว่าบารมีที่สะสม จะเป็นปัจัยให้ปัญญามีความเข้าใจถูกต้องตรงความเป็นจริง อริยสัจก็คือเดี๋ยวนี้ นี่จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมบารมีจึงมีความสำคัญมาก เพราะว่าบารมีที่สะสม จะเป็นปัจจัยให้ปัญญามีความเข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริง คราวหน้าจะเห็นแมวอีกไหม?
問者: 也不知道下次會出現的,看見的,會是貓還是會看見什麼,也無法知道。
ผู้ถาม: ก็ไม่ทราบได้ว่าคราวหน้าสิ่งปรากฎ สิ่งที่เห็น จะเป็นแมวหรือจะเห็นอะไร ไม่อาจรู้ได้เลย
Ajhan Sujin: 下次看到的會是什麼也是無我。對無我的信心,是一點一點的,是慢慢的累積。
อ.สุจินต์: ครั้งต่อไปสิ่งที่เห็นไม่ว่าจะเป็นอะไรก็คืออนัตตา ไม่เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่มีเรา ความเชื่อมั่น ความศรัทธาในอนัตตา เป็นสิ่งที่ค่อยๆ สะสม ทีละนิดๆ
敬感恩阿姜舒淨 (Ajhan Sujin Boriharnwanaket) 的恩惠
น้อมเคารพในคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
謹以此施法之功德與我們在輪迴裡每一世的父母 師長 同修 親友 仙人 各位讀者及其他一切眾生分享
กุศลในการนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่บิดามารดาในทุกภพทุกชาติ ครูบาอาจารย์ ญาติมิตรสหาย เทวดา และผู้อ่าน รวมถึงสัตว์ทั้งหลาย
By line group Just Dhamma
หมายเหตุ
ที่มา : การสนทนาธรรมออนไลน์ระหว่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กับ ชาวจีน
สรุปใจความภาษาจีน โดย 陳品彤 เฉินผิ่นถง (คุณแพท)
แปลภาษาไทย โดย คุณปาล สว่างพัฒนกุล (黃如蓮)