บุตรควรรู้คุณของมารดาบิดาอย่างไร


    ผู้ฟัง ที่ว่าพ่อแม่มีบุญคุณ เดี๋ยวนี้ก็มีลูกที่ไม่พ่อแม่ เกิดมาก็ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ก็มีอยู่ไม่น้อย และมีเรื่องจริงอยู่เรื่องหนึ่ง ครอบครัวมีลูกเล็กๆ และพ่อมาหย่า ไปไหนก็ไม่รู้ สงสัยว่ามีเมียใหม่ จนอายุ ๗๐ แล้ว จึงโผล่มาให้ลูกๆ เห็น ตอนนี้ลูกฐานะดีแล้ว จะมาขอเงิน พวกลูกๆ ไม่ค่อยสนใจ ไม่ได้ให้ เพราะทิ้งลูกไปตั้งแต่เด็กๆ พ่อต้องไปอาศัยโรงเจ และตายที่โรงเจ อาจารย์มีความเห็นอย่างไร

    ท่านอาจารย์ มีความเห็นว่าไม่ถูก ที่ถูกแล้ว เมื่อทราบว่า มารดาบิดาเป็นพรหมของบุตร คือ เป็นผู้ให้กำเนิด ถ้าไม่มีมารดาบิดา คนนั้นเกิดมาในโลกนี้ไม่ได้ ที่คนนั้นจะเกิดมาในโลกจนกระทั่งมีเงินมีทอง ไม่ว่าในตอนกลางของชีวิต อย่าลืมว่า เพราะมารดาบิดาเป็นพรหม คือเป็นผู้ให้กำเนิด เรื่องของมารดาบิดาเป็นเรื่องของตัวท่าน แต่เรื่องของบุตรเป็นเรื่องที่จะต้องรู้จักพระคุณว่า มารดาบิดาเป็นผู้มีคุณ โดยสถานหนึ่งสถานใด ไม่ว่าจะเป็นพรหม คือ ผู้ให้กำเนิด หรือว่าเป็นบุรพาจารย์ คือ เป็นครูคนแรกในชีวิตที่จะสั่งสอนลูกให้เดิน ให้รับประทานอาหาร ให้แต่งตัว ให้ทำทุกสิ่งทุกอย่าง หรือว่าเป็นบุรพเทพ หรือเป็นอาหุเนยยบุคคลของบุตร คือผู้ควรรับของที่บุตรนำมาให้เป็นการบูชา

    เพราะฉะนั้น เรื่องของบุตร เป็นเรื่องของบุตร ไม่จำเป็นต้องไประลึกถึงมารดาบิดาในทางส่วนตัวของท่านว่า ท่านจะเป็นผู้ไม่ได้กระทำหน้าที่นั้น จะเป็นเพราะเคราะห์กรรมของบุตรนั้นเอง ใช่ไหมคะ หรือจะต้องไปคิดว่า เป็นการกระทำของบิดามารดาซึ่งไม่สมควร เรื่องของใครก็เป็นเรื่องของคนนั้น ในเมื่อเป็นบุตรก็ทำหน้าที่ของบุตร ส่วนบิดามารดาจะมีเคราะห์กรรมที่ทำให้พลัดพรากจากไปอย่างไร ก็เป็นเรื่องของบุตรด้วย ถ้าบุตรนั้นทำกรรมมาดี ก็จะไม่มีการพลัดพรากจากบิดามารดา ย่อมได้รับการอุปการะจากบิดามารดา ก็ควรจะคำนึงถึงกรรมของตน และไม่สร้างกรรมต่อไป โดยไม่เห็นคุณของมารดาบิดา


    หมายเลข 3804
    28 ก.ค. 2567