ศึกษาลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ


    ผู้ฟัง ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏทางตา ศึกษาอย่างไรให้ถูกต้อง

    อ.วิชัย ก็เริ่มต้นในตอนต้นที่ท่านอาจารย์กล่าวว่า ให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงขณะนี้ เพราะเหตุว่าขณะนี้กำลังนั่งอยู่ และก็มีธรรม ซึ่งจริงๆ คือสิ่งที่มีจริงๆ นั่นเอง เพราะฉะนั้น ถ้าเราฟัง เช่นเรื่องของการเห็น การเห็นทุกท่านก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้ไม่เห็น เพราะเหตุว่ามีสิ่งที่ปรากฏ แต่ว่าเพียงกล่าวแค่นี้ไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาว่าการเห็นคืออะไร และเป็นอะไร เกิดจากอะไร เพราะฉะนั้น ถ้าเข้าใจจริงๆ ว่าแม้แต่การเห็น อะไรที่เห็น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงสภาพธรรมที่มีสองอย่าง คือ สภาพที่รู้ กับสภาพที่ไม่รู้อะไรเลย เพราะฉะนั้น ถ้าเราเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ที่เราเคยคิดเป็นเรื่องราวต่างๆ มากมาย เป็นบุคคลโน้น บุคคลนี้ เป็นโลกเป็นประเทศต่างๆ แต่จริงๆ ก็มีเพียงธรรมสองอย่างเท่านั้น คือนามธรรม หมายถึงว่าเป็นสภาพรู้ ถ้าปราศจากนามธรรมคือสภาพรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่มีเลย คือไม่ปรากฏกับสิ่งที่รู้ คือจะเกิดเหตุการณ์อะไรในเมื่อไม่มีสภาพรู้ สิ่งนั้นก็ไม่ปรากฏ อีกอย่างเรียกว่า รูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย เพราะฉะนั้น ในตอนต้นคือเริ่มจะเข้าใจตามลำดับ แต่ว่าความเข้าใจนี้ก็ไม่เพียงพอ เพราะเหตุว่าเป็นเพียงการกล่าวเพื่อจะให้เข้าใจในสิ่งที่มีจริงๆ

    อ.ธีรพันธ์ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความเข้าใจว่าจะไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรม เพราะว่าสิ่งที่ปรากฏไม่ได้หนีไปจากท่านเลย ขณะที่นอนหลับสนิท และขณะนี้ต่างกัน เพราะขณะนี้กำลังปรากฏ แต่ขณะที่หลับสนิทที่ผ่านมาไม่ได้ปรากฏเลย อันนี้จะเป็นความเข้าใจเล็กๆ น้อยๆ จะให้สติเกิดในขณะนี้จะเป็นไปได้ไหม ถ้าไม่มีความเข้าใจ

    ท่านอาจารย์ ซึ่งเราคงจะฟังวันนี้ แล้วจะคิดถึงการเป็นพระโสดาบัน หรือว่าให้มีสติมากๆ ก็เป็นสิ่งที่คิดด้วยความเป็นเรา ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้อะไรก็คิดถึงอย่างนั้น คิดแล้วจะได้อะไรขึ้นมาในเมื่อไม่รู้ เพราะฉะนั้น แทนที่จะไปเป็นพระโสดาบันชาตินี้ หรือเป็นอะไร ให้ค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มีให้ตรง ให้ถูกต้อง และก็ไม่ลืมแม้แต่คำแรกที่ได้ยินคือธรรม และเป็นอนัตตาด้วย ต้องสอดคล้องกัน เพราะว่าธรรมทุกคำที่เป็นสัจจธรรมสอดคล้องกันทั้งหมด ต้องเป็นความจริงเป็นสัจจธรรม เพราะฉะนั้น ก็คงยังเป็นชั้นอนุบาลกันต่อไปไม่ทราบว่าจะนานเท่าไหร่ แต่ว่าแต่ละท่านจะรู้ตัวเอง ว่าได้ผ่านพ้นระดับขั้นของการที่เริ่มฟังเริ่มต้นเริ่มเห็นความห่างไกลของผู้ที่ตรัสรู้กับผู้ที่ไม่รู้อะไรเลย และก็จากการที่เป็นปุถุชน คนที่ไม่รู้อะไร จนกระทั่งเป็นถึงผู้ที่อบรมเจริญปัญญาจนรู้แจ้ง ก็ต้องเป็นผู้ที่ตรง เพราะว่าต้องเป็นปัญญาของแต่ละคน ไม่ใช่โดยไม่มีปัญญาเลย หรือว่าอาศัยปัญญาของคนอื่นก็ไม่ได้ ขอเชิญคุณธิดารัตน์

    อ.ธิดารัตน์ พูดถึงการศึกษาธรรม ท่านอาจารย์ใช้คำว่าอนุบาล เป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าใจเลย แล้วก็จะให้เข้าใจว่าที่เห็นแต่ละครั้งใหม่เสมอก็เป็นอีกคำหนึ่งที่เข้าใจยากมาก สิ่งที่สำคัญก็คือเริ่มที่จะเข้าใจว่าธรรมคือสิ่งที่มีจริง และสิ่งที่มีจริงคือสิ่งที่กำลังปรากฏให้เรารู้ ที่เป็นปัจจุบันที่เราสามารถจะรู้ได้ ก็เป็นธรรมที่มีจริง มีจริงก็คือมีอยู่สองลักษณะ คือสิ่งที่รู้ และก็สิ่งที่ถูกรู้ นี่ก็เป็นข้อที่สำหรับผู้ที่ศึกษาใหม่เริ่มที่จะพิจารณา และเข้าใจ


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ ๑


    หมายเลข 4895
    4 ก.ย. 2567