แค่หงุดหงิดในใจ
อ.อรรณพ ตอนฝัน สมมติว่าฝันว่าฆ่าปลวก เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยในอนาคตต่อไปได้ไหม
ผู้ฟัง ไม่ได้
อ.อรรณพ เป็นอกุศลจิตหรือเปล่าในตอนนั้น
ผู้ฟัง เป็นอกุศลจิต
อ.อรรณพ ตอนฝันก็คือการคิดนึกทางใจ เพราะฉะนั้นแม้เป็นอกุศลจิต เป็นชวนะที่เป็นอกุศล แต่ก็ไม่เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัย เพราะเพียงคิด แม้พระภิกษุที่ท่านฝัน มีอกุศลจิตฝัน พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ยังไม่ทรงปรับอาบัติ
ผู้ฟัง อย่างนั้นแสดงว่าเจตนาเจตสิกที่เกิดกับกุศล และอกุศล ไม่ได้เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยทั้งหมด
อ.อรรณพ แต่ที่ท่านอาจารย์กล่าว ก็เพื่อให้เราเข้าใจชัดเจนเบื้องต้นว่า ถ้าเป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยต้องเป็นชวนะที่เป็นกุศลหรืออกุศลชวนะ แต่ไม่ได้หมายความว่ากุศลหรืออกุศลชวนะนั้น จะมีกำลังถึงขั้นที่เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยเสมอไป
เพราะฉะนั้นกิเลสที่มี ๓ ระดับ อนุสัยกิเลส ก็คือพืชเชื้อของกิเลสที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อยังไม่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงพืชเชื้อ แต่เมื่อเกิดขึ้นทำกิจแล้ว ก็ยังมีระดับที่ต่างกันเป็นปริยุฏฐานกิเลส กับวีติกมกิเลส ถ้าเป็นปริยุฏฐานกิเลส ก็คือเป็นกิเลสที่เกิดขึ้น เช่น วันนี้รู้สึกหงุดหงิดเพราะอากาศร้อน เป็นโทสะ ใช่ไหม และเป็นอกุศลชวนะ จะไปอบายได้ไหม ถ้าหงุดหงิดอากาศร้อน ไม่อย่างนั้นก็คงจะแย่
เพราะฉะนั้นนานักขณิกกัมมปัจจัยต้องเป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิต แต่ไม่ได้หมายความว่า กุศลจิตหรืออกุศลจิต จะต้องเป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยทุกขณะเสมอไป แล้วแต่กำลัง เป็นเพียงปริยุฏฐาน ยังไม่ถึงขั้นวีติกมกิเลส