สัมปชัญญะคืออะไร


    ผู้ฟัง คุณพ่อทวาย สำเร็จ ซึ่งอายุ ๘๐ ท่านฟังอาจารย์มานานพอสมควร วันนี้ท่านบอกว่า อยากจะกราบเรียนให้ท่านอาจารย์ แสดงถึงลักษณะของสัมปชัญญะ ท่านยังไม่ค่อยเข้าใจ

    ท่านอาจารย์ ไม่ทราบท่านผู้ฟังใหม่ จะได้ยินคำนี้หรือเปล่า แต่ว่าคำนี้ใช้ในภาษาไทย ซึ่งความหมายไม่ตรงกับภาษาบาลีที่ใช้อยู่ เพราะว่าถ้าเป็นภาษาไทย เราจะคิดว่าเวลาที่ใครก็ตาม ที่เป็นคนปกติทำอะไร ก็หมายความว่าคนนั้นไม่ได้เมา หรือไม่ได้หลง แต่ว่าทำด้วยสติสัมปชัญญะ ใช้คำนั้นในภาษาไทย แต่ถ้าเป็นความหมายของธรรม ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก แม้แต่คำว่า สติหรือสัมปชัญญะ ก็ไม่ใช่อย่างที่เราเคยเข้าใจ สัมปชัญญะเป็นปัญญา เป็นปัญญาระดับขั้นที่สามารถจะรู้ลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงแต่ฟังเรื่องของธรรมเท่านั้น เพราะว่าโดยมาก เราก็ฟังธรรม แต่บางคนก็ยังไม่ทราบว่า ฟังธรรม ฟังเรื่องอะไร แต่เมื่อได้รู้ว่าธรรมเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงๆ เมื่อเป็นธรรมก็ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือว่าไม่ใช่ของใครทั้งสิ้น ไม่ใช่มีใครเป็นเจ้าของ เช่น ในขณะนี้ ก็มีเห็น มีได้ยิน แล้วก็มีคิดนึก มีสิ่งที่ปรากฏทางตา มีเสียง ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรม

    เพราะฉะนั้นสัมปชัญญะ ไม่ใช่เพียงฟังเรื่องนี้ แต่ว่าจะต้องสามารถที่จะเข้าใจว่า ปัญญาที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ ค่อยๆ อบรม ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ เจริญขึ้น จนกว่าสัมปชัญญะที่เป็นปัญญา จะเกิดพร้อมกับสติ ที่สามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ นี่ก็เป็นคำตอบสั้นๆ ว่าสัมปชัญญะต้องเกี่ยวกับ การรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ถูกต้องตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้นคือ เป็นธรรมแต่ละอย่าง ไม่ทราบอาจารย์สมพร จะมีอะไรเพิ่มเติมไหม

    อ.สมพร สัมปชัญญะ ที่ท่านอาจารย์กล่าวไป โดยมากท่านอาจารย์มุ่งประเด็นปรมัตถ์สำคัญที่สุด เพราะว่าสัมปชัญญะ เกิดกับจิตที่เป็นกุศลได้หลายอย่าง แต่ท่านอาจารย์มุ่งว่า สัมปชัญญะที่สำคัญต้องเกี่ยวกับปรมัตถ์ไม่ใช่บัญญัติ ผมก็เห็นด้วย เพราะว่ากุศลธรรมดา สำหรับคนที่มีปัญญากระทำแล้วต่างๆ มีการให้ทาน รักษาศีลเป็นต้น สำหรับคนมีปัญญาก็มีสัมปชัญญะ แต่ยังยึดติดอยู่ ว่าเป็นคน เป็นสัตว์ ยังอาศัยบัญญัติอยู่ สัมปชัญญะเช่นนี้ยังไม่เลิศ ยังไม่ประเสริฐ แต่ที่อาจารย์กล่าวนี้ เป็นสัมปชัญญะที่ประเสริฐ เพราะมุ่งถึงปรมัตถ์ว่า คน สัตว์ ไม่มี นี้เป็นสัมปชัญญะที่พระพุทธเจ้าทรงรับรอง

    ผู้ฟัง กราบท่านอาจารย์ครับ สัมปชัญญะ ถ้าเรายังไม่เข้าใจถึงคำว่าปัญญา หรืออะไรทั้งสิ้น เราจะทราบได้ไหมว่า ขณะนี้เรามีสัมปชัญญะหรือไม่

    ท่านอาจารย์ ไม่มีทางเลย ก็เป็นเรา แล้วก็ถามว่าจิตเป็นอย่างไร หรือว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร ก็ตอบไม่ได้ ตอบไม่ถูก ทั้งๆ ที่มี

    ผู้ฟัง แต่ขณะที่เราฟังกันอยู่ทั่วๆ ไป ภาษาไทยที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ การพูดว่ามีสติสัมปชัญญะแล้ว เธอมีสติสัมปชัญญะหรือเปล่า ขณะนั้นเราก็รู้ ว่าเรากำลังทำอะไร กำลังพูด หรือว่ากำลังอยากจะทาน หรือว่ากำลังอยากจะให้สงบอยู่ในที่นี้ อย่าเสียงดัง ขณะนี้ก็เป็นสัมปชัญญะแล้วไม่ใช่หรือ

    ท่านอาจารย์ ถ้าเป็นความเข้าใจระดับนี้ ก็จะไม่มีการเจริญขึ้นของปัญญา เพราะคิดว่า นี่คือสัมปชัญญะแล้ว

    ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นการที่จะเข้าใจว่า สัมปชัญญะคืออะไร ไม่ใช่ของง่าย กระผมคาดว่าถ้าจะพูดถึงคำว่า สัมปชัญญะ แล้ว กระผมยังคิดว่า กระผมมีสัมปชัญญะแล้ว แต่ว่าโดยทั่วไปแล้ว อย่างกระผมจะทราบหรือไม่ว่า ขณะที่ผมปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ไม่เคยไปล่วงเกินใครเขา หรือจะไปคิดร้ายต่อใครเขา ทำไปตามปกติประจำวันอย่างนี้ เป็นคนที่มีสัมปชัญญะหรือเปล่า คงไม่ใชอีกเหมือนกัน

    ท่านอาจารย์ เวลาที่เกิดความชอบใจขึ้น แล้วก็รู้ว่าเป็นความชอบใจ เวลาที่เกิดโกรธก็รู้ว่าโกรธ นั่นเป็นสัมปชัญญะหรือเปล่า เพียงเท่านั้นที่รู้ว่ากำลังโกรธ เป็นสัมปชัญญะหรือเปล่า

    ผู้ฟัง ถ้าเปรียบเทียบกับที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวสักครู่นี้ ในเรื่องของการที่รู้สภาพธรรม ที่ปรากฏลักษณะตามความเป็นจริง ถ้าเป็นลักษณะนั้นก็ไม่ใช่สัมปชัญญะ

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นในทางธรรม ต้องเข้าใจความหมายให้ถูกต้อง ระดับขั้นของปัญญา ที่จะใช้คำว่าสติ หรือที่จะใช้คำว่าสติสัมปชัญญะ ไม่ใช่เพียงสติในขณะที่กำลังฟังแล้วก็เข้าใจ

    ผู้ฟัง เราจะทราบอย่างไร ว่าเรามีสติ

    ท่านอาจารย์ ถ้าไม่ใช่สติปัฏฐาน ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน คือ รู้เรื่องของธรรมทั้งหมด แต่ก็เป็นเราทั้งหมดที่รู้ เพราะว่าไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมแต่ละอย่าง ที่จะเห็นว่าลักษณะของสภาพธรรมแต่ละอย่างนั้น ไม่ใช่เรา ฟังได้ เข้าใจได้ แต่ยังไม่เห็นตามความเป็นจริงอย่างนั้น แม้ที่กล่าวว่าทุกอย่างเป็นธรรมขณะนี้ ก็เป็นคำที่พูดตาม แล้วค่อยๆ เข้าใจ แต่ทุกอย่างยังไม่ได้ปรากฏ ว่าเป็นธรรมแต่ละอย่างจริงๆ

    ผู้ฟัง ครับ ขอบพระคุณครับ


    หมายเลข 10037
    13 ก.ย. 2567