โลภะที่มองไม่เห็น


    ท่านอาจารย์ เมื่อศึกษาเรื่องปรมัตถธรรม ว่ามี ๔ คือ จิต เจตสิก รูปนิพพาน สำหรับปรมัตถธรรม ๓ ก็เป็นสภาพธรรม ซึ่งเป็นขันธ์ ๕ ในขันธ์ ๕ เจตสิก ๕๐ เป็นสังขารขันธ์ เพราะฉะนั้นก็ลืมอะไรไม่ได้เลยว่า ไม่มีเรา แม้แต่ขณะที่กำลังฟังสติ สัทธา วิริยะ ปัญญาทั้งหลายในขณะนี้ ก็เป็นสังขารขันธ์ ที่จะปรุงแต่ง จนกว่าจะทำให้ขณะต่อไปเป็นอะไร ซึ่งทุกคนไม่มีใครสามารถที่จะทราบได้เลย ว่าขณะจิตต่อไปจะเป็นอะไร จะเป็นกุศล หรือจะเป็นอกุศล จะเห็นหรือจะได้ยิน หรือจะคิดนึก หรือจะเจ็บปวดตรงไหน ก็ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้

    เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่เราต้องฟังด้วยความเข้าใจจริงๆ ว่า แม้ปัญญา ซึ่งทุกคนรู้ว่าเป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่ สามารถที่จะทำลายกิเลสได้ อย่างอื่นไม่สามารถที่จะละคลาย หรือทำลายกิเลสได้เลย แต่ปัญญาก็ไม่ใช่ว่าเกิดเพราะเราอยาก หรือว่าเพียงเผินๆ เราก็คิดว่าเรามีปัญญา โดยมากเวลาที่ทุกคน อยากจะรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แต่ไม่ได้เข้าใจว่า ละความต้องการหรือเปล่า หรือว่าขณะนั้นอยากจะรู้

    การตั้งต้นอย่างนี้ก็ผิด และถูก มี ๒ ทาง ถ้าผิดก็คืออยากรู้ แต่ถ้าถูกก็คือ รู้ว่าจะเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ถ้าเราฟังไป เข้าใจไป แล้วก็มีสภาพธรรมกำลังปรากฏ อย่างแข็งก็กำลังปรากฏ เราก็ฟังไปเรื่องจิต เรื่องเจตสิก เรื่องรูป เห็นก็กำลังมี เราก็ฟังไปเรื่องเห็น ซึ่งเป็นนามธรรม โดยที่ว่าไม่มีการต้องการที่อยากจะรู้ หรือว่าอยากจะเปลี่ยน หรืออยากจะทำจากทางนี้ไปทางนั้น ซึ่งเป็นเรื่องของตัวตนทั้งหมด และขณะนั้นก็เป็นเรื่องของความต้องการ เป็นเรื่องของโลภะ ซึ่งมองไม่เห็น ขณะใดที่โลภะเกิดขณะนั้น จะมองไม่เห็นเลยว่าเป็นโลภะ เพราะว่าปัญญาเท่านั้นจึงสามารถที่จะเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้

    เพราะฉะนั้นความเป็นผู้ตรง ความเป็นผู้ละเอียด ความเป็นผู้ที่มั่นคงในสัจจญาณของอริยสัจธรรม ซึ่งมี ๓ รอบ คือ สัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ ต้องเป็นไปตามลำดับจริงๆ คือ ต้องรู้ เข้าใจจริงๆ ว่าโลภะคือเมื่อไร มิฉะนั้นระหว่างที่ทำ ก็เป็นเราที่มีความต้องการ ไม่มีทางที่จะเห็นเลย เพราะเหตุว่าขณะนั้นโลภะบังตลอด ให้ทำอย่างนั้นให้ทำอย่างนี้

    เพราะฉะนั้นที่จะทำให้ระลึกได้ ก็คือความมั่นคงในสัจจญาณ ซึ่งโลภะเป็นสมุทัย ถ้ารู้ว่าขณะนั้นเป็นไปด้วยความต้องการ รู้ทันที ละทันที แล้วแต่สติจะเกิดหรือไม่เกิด ซึ่งถ้าให้สติ ซึ่งเป็นสัมมาสติ เกิดตามเหตุตามปัจจัย ทุกคนจะเห็นได้ว่า แล้วแต่สติจริงๆ ช่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งสติจะระลึกอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่เราหวัง หรือเราต้องการที่จะให้ระลึกอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เพราะเป็นสัมมาสติ มีปัจจัยเกิดก็เกิด แล้วก็ระลึก

    ผู้ฟัง ขอบพระคุณครับ


    หมายเลข 10046
    11 ก.ย. 2567