หน้าที่ในฐานะอุบาสก อุบาสิกา


    ท่านอาจารย์ คุณคำปั่นฟังพระธรรมแล้วก็ทำอะไรอีกด้วยหรือเปล่า หรือว่าฟังแต่พระธรรม ไม่ได้ทำอะไรเลย

    อ.คำปั่น ฟังพระธรรมด้วย แล้วก็อย่างอื่นด้วย เพราะว่าในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ฟังพระธรรมตลอด

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ชีวิตจริงๆ ทุกคนเกิดมาแล้ว เหมือนมีเราทำ แต่ความจริงเป็นจิต เจตสิกทำหน้าที่ แม้แต่จะเห็น แม้แต่จะคิด คิดดี ดีก็เป็นเจตสิกที่เกิดกับจิต คิดไม่ดี คิดชั่ว ก็เป็นเจตสิกฝ่ายไม่ดีที่เกิดกับจิต เพราะฉะนั้น จิตเจตสิกทำงาน แต่เหมือนกับว่าเป็นเราที่ทำ

    เพราะฉะนั้น ความเข้าใจธรรมะก็ทำให้เข้าใจถูกต้องว่า ธรรมะเกิดขึ้นแล้วต้องมีกิจการงาน แล้วต้องทำอย่างอื่นด้วย ไม่มีใครฟังธรรมะตลอดเวลา หน้าที่อื่นมีไหมคะ การงานอื่นมีไหม การงานเก่าๆ ก่อนๆ หรือการงานปัจจุบันที่กำลังทำอยู่ ก่อนนี้ก็ทำด้วยการไม่เข้าใจเลยในความเป็นธรรมะ แต่ว่าเมื่อฟังธรรมะแล้วก็ยังต้องทำเหมือนเดิม หน้าที่ที่เคยทำมาแล้วก็ทำ หน้าที่ใหม่ก็มีเพิ่มเติมอีก แล้วแต่ว่า ใครจะทำอะไรเพิ่มเติมขึ้นอีกก็แล้วแต่เหตุปัจจัย แต่ก็เข้าใจธรรมะ

    เพราะฉะนั้น ก่อนนี้ก็ทำงานหน้าที่ต่างๆ คนที่บอกว่า ไม่มีงานทำ มีไหม ดูเหมือนว่าไม่ใช่งานที่เขาจะต้องทำ แต่ก็ต้องมีงานต้องทำ เกิดมาแล้วจะไม่มีพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูงได้ไหม ไม่ได้ แล้วเมื่อคบหาสมาคม ไม่ได้ทำอะไรหรือคะ หรือมีหน้าที่ที่ทำต่อกัน ในฐานะหน้าที่ต่างๆ กัน ถ้าเป็นเพื่อน ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน กัลยาณมิตร เพื่อนที่ดี คือ หวังดี เพื่อนที่ดีไม่ใช่ตามใจเพื่อน แต่ว่าหวังดี และการหวังดีต่อเพื่อนตามกำลังของปัญญา ถ้ามีปัญญานิดหน่อย ก็หวังดีในทางโลกๆ ช่วยได้ ทำอะไรก็มาช่วยกันทำ แต่ถ้าหวังดี และเข้าใจธรรมะด้วย ความหวังดีนั้นก็เพื่อให้เขาได้เข้าใจธรรมะ พอไหม ก็ยังสามารถเกื้อกูลหวังดีทำความดีร่วมกันมากกว่าเพียงเข้าใจธรรมะเท่านั้น

    เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วก่อนนี้ก็ทำทุกสิ่งทุกอย่าง และเมื่อฟังธรรมะแล้วก็ยังต้องทำทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ในฐานะต่างกัน ก่อนฟังธรรมะ โดยฐานะของคนทำโดยไม่เข้าใจธรรมะ แต่พอศึกษาธรรมะเข้าใจแล้ว ก็ทำอย่างเก่า แต่โดยฐานะที่เข้าใจธรรมะ

    เพราะฉะนั้น มีอีกฐานะหนึ่ง คือ ฐานะของอุบาสก เต็มใจทำไหมคะ หรือไม่เอา ตำแหน่งอุบาสกนี้ไม่เอา อุปาสก ขอเชิญคุณคำปั่นแปลด้วยค่ะ

    อ.คำปั่น อุปาสกะ หรืออุบาสก ก็คือผู้ไปนั่งใกล้พระรัตนตรัย

    ท่านอาจารย์ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร เข้าไปนั่งใกล้พระรัตนตรัย เพราะเข้าใจ และทำความดี เพราะฉะนั้น น่าเป็นอุบาสกไหมคะ หรือไม่เอา ฟังดูครึๆ ใช่ไหมคะ สมัยก่อนเป็นเด็ก ไม่เข้าใจเลย อุบาสก อุบาสิกาคืออะไร คิดว่าต้องนุ่งขาวบ้าง ไปวัดบ้าง ถือศีลบ้าง แต่ความจริง คือ ผู้ที่เข้าใกล้ ไม่ใช่เข้าไปเฉยๆ ด้วยความเห็นถูก ใกล้ชิดต่อพระธรรม คือ ไม่เหินห่างที่จะเข้าใจขึ้น และประพฤติปฏิบัติตามยิ่งขึ้น

    เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นมหาอำมาตย์ เป็นพระเจ้าพิมพิสาร หรือพระเจ้าปเสนทิโกศล หรืออนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาอุบาสิกาวิสาขา ก็เป็นอุบาสกอุบาสิกา มีชีวิตเหมือนเดิม แต่ฐานะเป็นอุบาสกที่ได้เข้าใจพระธรรมมากขึ้น ใครไม่อยากเป็นบ้าง ครึๆ หรือเปล่า แต่ความจริงเป็นอย่างนั้น จะเรียกอะไร หรือไม่เรียกอะไร ก็ตามแต่พยัญชนะ แต่ความจริงเป็นอย่างนั้น

    เพราะฉะนั้น ถ้าคำนึงถึงพระรัตนตรัย ถึงความถูกต้อง ถึงคุณความดี อุบาสกต้องทำหน้าที่ดีกว่าผู้ที่ไม่ใช่อุบาสก


    หมายเลข 10058
    31 ส.ค. 2567