ปฏิบัติธรรมไม่ใช่รูปแบบ


    ผู้ฟัง กราบเรียนถามต่อ การบูชาด้วยการอบรมเจริญธรรมะถึงขั้นสติปัฏฐาน จะเป็นเข้าในพุทธพจน์ที่ท่านกล่าวไว้ว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ใช่หรือเปล่าคะ ท่านอาจารย์สุจินต์

    ส. ไม่ทราบคุณอำไพรู้จักพระพุทธเจ้าโดยอะไรคะ

    ผู้ฟัง ตอนนี้ก็โดยธรรมคะ

    ส. ถ้าไม่ได้ฟังธรรมเลย ก็คงจะเห็นแต่เพียงพระพุทธรูปเท่านั้น แต่ว่าไม่สามารถที่จะรู้ในพระคุณทั้งหมดของพระองค์ได้ จนกว่าที่จะได้ศึกษาธรรมะ แล้วเมื่อได้ศึกษาธรรมะเข้าใจ ก็รู้ว่า ท่านผู้นี้ที่ทรงแสดงพระธรรมเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วทรงแสดงพระธรรมเพื่อประโยชน์ของใคร ของผู้ที่ศึกษา ก็ยิ่งเห็นพระคุณมากขึ้น เพราะฉะนั้น เมื่อเห็นพระคุณแล้วจะไม่ประพฤติปฏิบัติตามหรือคะ

    ผู้ฟัง ก็จะเรียนถามว่า ถ้าเราเข้าใจนิดๆ หน่อยๆ อย่างนี้ ก็จะเข้าในพระพุทธพจน์นี้ไหมคะ ผู้เห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต

    ส. ตั้งแต่เริ่มศึกษาก็ทราบเลยว่า คนอื่นสอนไม่ได้ ทรงแสดงอย่างนี้ไม่ได้

    ผู้ฟัง แล้วถ้าบางคนศึกษาไปผิดๆ ก็แสดงว่ายังไม่เห็นตถาคต

    ส. ถ้าผิดก็ไม่เห็น

    ผู้ฟัง ไม่เห็นนะคะ ขอบพระคุณค่ะ

    อ.นิภัทร เมื่อกี้นี้คุณประทีปพูดถึงเรื่องการประพฤติปฏิบัติธรรม คือคำนี้ก็เป็นคำที่เราอาจจะยังเข้าใจไม่ค่อยชัดแจ้งหรือสับสนอยู่ ที่จริงคำว่า “ประพฤติปฏิบัติ ธรรม” ถ้าพูดถึงเราจะนึกถึงรูปแบบ แต่ความจริงไม่ใช่ เป็นเรื่องธรรมดา เดี๋ยวนี้เราก็ประพฤติธรรมอยู่อย่างที่ท่านอาจารย์ว่า ประพฤติธรรมอะไร ก็ประพฤติธัมมัสสวนมัยกุศล ประพฤติบุญกิริยาวัตถุข้อหนึ่ง คือการฟังธรรม นี่เป็นการประพฤติธรรม แล้วก็ยังมีการให้การดื่มการบริโภคกันอีก ก็ประพฤติธรรมทั้งนั้น การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ยกไอ้โน้นให้บ้างไอ้นี่ให้บ้าง ให้ที่นั่งบ้าง ล้วนแต่ประพฤติธรรมทั้งสิ้น ถ้าเราเข้าใจแล้ว เราจะเห็นว่า ชีวิตประจำวันของเรา ถ้าเรามีใจเป็นกุศล มีใจดีอยู่ตลอด เราจะได้ประพฤติธรรมอยู่ตลอด รวมทั้งเมตตากรุณาอะไรก็แล้วแต่ เราจะมีการประพฤติธรรมอยู่ตลอด เพราะฉะนั้น เรื่องประพฤติธรรม อย่าเป็นแต่เพียงเข้าใจคำพูด หรือเป็นการพูดคำใหญ่ๆ เพื่อจะให้คนตกใจ แต่ความจริงทุกคนประพฤติอยู่แล้ว ประพฤติธรรม

    เพราะฉะนั้น เมื่อเรารู้ว่าเราประพฤติธรรมอยู่แล้ว ก็ประพฤติธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ให้มากๆ ขึ้นไป ความรู้ความเข้าใจในธรรมที่พระองค์สอน ไม่ใช่ว่าพนมมือเฉยๆ นั่งนึกพระพุทธรูปอยู่ต่อหน้า เป็นการนึกถึงพระพุทธคุณ ไม่ใช่นะครับ อันนั้นเป็นการไหว้ทองคำ เป็นการไหว้พระทองเหลือง ทองคำ หรือพระอิฐ พระปูน เพราะโบราณท่านก็บอกว่า ไหว้พระอย่าให้ถูกทองคำ ไหว้พระธรรมอย่าให้ถูกใบลาน อย่าให้ถูกหนังสือ ไหว้พระสงฆ์ อย่าให้ถูกลูกหลานชาวบ้าน อะไรอย่างนี้ คือต้องไหว้ให้ถูกคุณ ถ้าเรามาฟัง เรามีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมข้อใดข้อหนึ่ง อะไรก็แล้วแต่ ก็แปลว่าพระคุณของพระพุทธเจ้าได้ฉายเข้ามาในใจของเราแล้ว ถ้ายิ่งเราเข้าใจธรรมะลึกซึ้งเท่าไร จนเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่จะให้เราประพฤติปฏิบัติตามได้ คือพระธรรมนั้นสามารถที่จะเตือนให้เราระลึกถึงสภาพที่ปรากฏได้ตามความเป็นจริงทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ยิ่งเรียกว่าเรามีพระคุณของพระพุทธเจ้าอยู่ในตัวเรามากขึ้น


    หมายเลข 10091
    22 ส.ค. 2567