กรรม


    ผู้ฟัง อาจารย์คะ มีพุทธพจน์บทหนึ่ง มี ๘ ข้อ ข้อ ๑ เรามีกรรมเป็นของๆ ตน อันนี้เข้าใจ กรรมนี้หมายถึงเจตนาเจตสิก แต่ข้อ ๒ เราเป็นทายาทแห่งกรรม ทายาทตัวนี้แปลว่าอะไร อาจารย์

    ส. ผู้รับผลของกรรม

    ผู้ฟัง เรามีกรรมเป็นกำเนิด

    ส. ถ้าไม่มีกรรมไม่ต้องเกิดเลย คือเป็นพระอรหันต์แล้วก็ไม่ต้องเกิด แต่ที่ยังต้องเกิด เพราะเหตุว่ายังมีกุศลกรรม และอกุศลกรรมเป็นปัจจัย แล้วแต่ว่ากรรมใดจะให้ผล

    ผู้ฟัง เรามีกรรมเป็นพวกพ้องเผ่าพันธุ์ เจตนาเจตสิกไปเป็นพวกพ้องเผ่าพันธุ์กับใครคะ

    ส. กรรมหมายความถึงเจตนาที่เป็นกุศล หรืออกุศล แม้ว่าดับไปแล้ว จิตที่เกิดสืบต่อก็สะสมกรรม เป็นที่เก็บกรรมอย่างดี ซึ่งใครก็เอาไปไม่ได้ ลักขโมยไปไม่ได้เลย

    เพราะฉะนั้น กรรมก็เพียงแต่ว่าเมื่อมีปัจจัยพร้อมจะให้ผล คือ วิบากจิต ผลของกรรมคือจิต และเจตสิก เพราะเหตุว่าเจตนาเป็นเจตสิก แล้วก็ต้องเกิดกับจิตที่เป็นกุศล และอกุศลซึ่งเป็นเหตุ แม้ว่าจะดับไปแล้ว จิตที่เกิดต่อจะเป็นอกุศล เป็นกุศล เป็นวิบาก เป็นอะไรก็แล้วแต่ จะเป็นกิริยาก็แล้วแต่ แต่ถ้าเป็นจิตที่เป็นวิบาก หมายความว่าจิตนั้นเป็นผลของเจตนาในอดีตที่ได้กระทำกรรมนั้นแล้ว เป็นปัจจัยที่จะทำให้วิบากจิตเกิดขึ้น

    วิบากจิตหมายความถึงจิตที่เป็นผลของกรรม ซึ่งถ้าไม่ทราบ เราก็พูดลอยๆ ว่า กรรม มี เพราะฉะนั้น ผลของกรรมมี แต่ถ้าทราบว่ากรรมได้แก่เจตนาเจตสิกซึ่งเกิดกับกุศลจิต หรืออกุศลจิต ผลของกรรมก็ต้องมี ๒ อย่าง คือ กุศลวิบากเป็นผลของกุศลกรรม อกุศลวิบากเป็นผลของอกุศลกรรม ในขณะที่เห็นเป็นผลของกรรม เราเลือกเห็นไม่ได้เลยว่า เราจะเห็นสิ่งที่ดี หรือสิ่งที่ไม่ดี ถ้าเห็นสิ่งที่ดี ขณะนั้นก็เป็นผลของกุศลกรรม จิตเห็นเป็นผล ซึ่งเป็นกุศลวิบาก เป็นผลที่ดีของกรรมที่ดี

    เพราะฉะนั้น ทางรับผลของกรรม มี ๕ ทาง ทางตา ๑ ทางหู ๑ ทางจมูก ๑ ทางลิ้น ๑ ทางกาย ๑ ขณะใดที่มีการกระทบสัมผัสที่ทำให้กายเป็นทุกข์เดือดร้อน อาจจะถูกคนอื่นทำร้าย เราคิดว่า เป็นคนอื่นทำ แต่ถ้าไม่มีกายปสาท ไม่มีรูปนั้นมากระทบ จิตที่เป็นผลของกรรม คือ ความรู้สึกที่เจ็บปวด เกิดพร้อมกับทุกขเวทนาก็เกิดไม่ได้

    เพราะฉะนั้น แสดงให้เห็นเลย ว่าไม่มีใครที่จะทำให้จิตเกิด ที่เป็นวิบากจิตแล้วต้องเกิดจากกรรมทั้งสิ้น กรรมในอดีตที่ได้กระทำไว้พร้อมที่จะให้ผลของกรรม คือวิบากจิตเกิดเมื่อไรก็เกิดเมื่อนั้น

    ผู้ฟัง แล้วกรรมเป็นที่พึ่งพาอาศัย แปลว่าอะไร

    ส. ถ้าเป็นกรรมดี เป็นกุศลกรรม ก็พึ่งได้

    ผู้ฟัง ต่อไปก็เข้าใจแล้ว เราจักทำกรรมใดไว้ เป็นกรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลของกรรม ก็คือ ทุกๆ อย่างเราจะต้องเป็นผู้รับหมดทั้งดีชั่ว

    ส. กรรมที่ได้ทำไว้ จะยกให้คนอื่นไม่ได้


    หมายเลข 10108
    18 ส.ค. 2567