เหมือนไม่ดับ


    ผู้ฟัง กราบท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพ เมื่อสักครู่ ตอนภาคเช้า ท่านอาจารย์ได้กล่าวกับคุณสุนานบอกว่า จับปากกา แล้วรู้ไหมว่าแข็ง อาจารย์คะ ถ้าไม่ได้ฟัง ดิฉันไม่ทราบว่าแข็ง ถ้าไม่ได้มาศึกษา ท่านอาจารย์

    ส. เป็นไปไม่ได้ คุณบง คุณบงอาจจะไม่รู้ว่าเขาเรียกว่า ปากกา แต่แข็ง มีขณะที่กระทบสัมผัส

    ผู้ฟัง นี่ค่ะตรงนี้ดิฉันจะกราบเรียนให้ท่านอาจารย์ทราบว่า ถ้าไม่ได้ศึกษา จะไม่ทราบว่า มีธาตุแข็งเกิดขึ้น

    ส. ไม่ใช่ความจริง ไม่ได้ศึกษา แข็งก็ปรากฏ เมื่อมีกายปสาทกระทบกับสิ่งที่เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง และมีจิตที่กำลังรู้ลักษณะที่อ่อนหรือแข็ง เย็นหรือร้อน ขณะนั้น

    ผู้ฟัง ค่ะ เข้าใจว่า ต้องมีจิตเกิดขึ้นรู้ ถ้าจะเปรียบว่า ผู้ที่ไม่ได้เคยมาฟังท่านอาจารย์พูดเลย เขาจะไม่ระลึกรู้ว่ามันแข็ง อันนี้ใช่ไหมคะ

    ส. อันนั้นอีกเรื่องหนึ่งไม่รู้ว่า แข็งเป็นสภาพธรรมะ คิดว่าแข็งเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดเสมอ

    ผู้ฟัง ขอบพระคุณนะคะ อีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า สนทนาเกือบจะทุกครั้ง เราจะพูดถึงสิ่งที่ปรากฏทางตาบ่อยมาก แล้วดิฉันก็เคยกราบเรียนถามท่านอาจารย์เหมือนกันว่า ท่านอาจารย์คะ ทำไมถึงรู้สึกว่าพูดถึงสิ่งที่ปรากฏทางตาบ่อยมาก ท่านอาจารย์ตอบบอกว่า ก็เพราะว่าเหมือนไม่ดับ ตรงนี้ ดิฉันซาบซึ้งมากเลย เพราะสิ่งที่ปรากฏทางตาเหมือนไม่ดับจริงๆ แต่ทางกาย หรืออะไรอย่างนี้ เหมือนกับว่าไม่ได้ปรากฏขึ้น ตรงนี้เข้าใจได้ลึกอีกเลยว่า ท่านอาจารย์

    ส. สิ่งที่ปรากฏทางกายเหมือนไม่ได้ปรากฏหรือคะ คุณบง

    ผู้ฟัง เหมือนไม่ปรากฏ ท่านอาจารย์ แต่ทางตา สมมุติไม่ได้ศึกษา เรา เหมือนกับเรารู้เลย เห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตลอด เพราะฉะนั้น ที่อาจารย์บอกว่า เหมือนไม่ดับ ตรงนี้ดิฉันคิดว่า มันเป็นเรื่องจริงๆ เลยค่ะว่า ทางตาเหมือนไม่ดับ เป็นอย่างนั้น

    ทีนี้อีกเรื่องหนึ่งที่บอกว่าการเห็น ปกติก็ต้องเห็นเป็นคน หรือเป็นสัตว์ ถ้าศึกษาแล้วการเห็น ไมใช่เป็นเป็นคน สิ่งที่ปรากฏทางตา คือ สี ถ้าเมื่อไรที่เราเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นสี มันก็คงต้องแปลกๆ ท่านอาจารย์ เพราะมันเหมือนผิดปกติ

    ส. เป็นปกติ ไม่ผิดเลย ลองไม่คิดสิคะไม่คิดอะไรเลย

    ผู้ฟัง อย่างที่บงพูดๆ มา เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ซับซ้อนจริงๆ สำหรับปัญญา อย่างบง ก็ค่อยๆ ศึกษา ไล่ๆ มาเรื่อยๆ ทีนี้ท่านอาจารย์กล่าวบอกว่า ธรรมะนี้วิจิตรมาก ดิฉันมีอยู่ข้อหนึ่งที่เห็นด้วยจริงๆ ว่า ธรรมะวิจิตรอย่างไร ก็ขอเล่าเป็นเรื่องบัญญัติสักนิดหนึ่ง วันหนึ่งดิฉันไปที่แบงค์ ก็นั่งรออยู่ ก็มีผู้หญิงกับผู้ชาย ๒ คน เขาก็เจอผู้ชายคนหนึ่งเขาก็บอกว่า เสียใจจริงๆ เลย ลูกเขาตาย แล้วเขาไม่มีโอกาสได้บอก ขณะที่ได้ยินเขาบอก ลูกเขาตาย ขณะนั้นดิฉันโทมนัสมาก โทมนัสเกิดขึ้น ก็เลยมานึกว่า จิตเรา มันเรื่องอะไรไปยุ่งเรื่องคนอื่น ในเมื่อเราก็ไม่ได้ได้รู้จักอะไรกับเขาเลย ตรงนี้เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้อย่างไร

    ส. ได้ยินอะไรคะ

    ผู้ฟัง ได้ยินเขาบอกว่าลูกตาย

    ส. นั่นแหละค่ะคือปัจจัยที่ทำให้โทมนัสเกิด

    ผู้ฟัง แล้วจิตเราก็ไปยุ่งกับเขา ไม่รู้จักกันเลย

    ส. ถ้าไม่ได้ยินคำนี้ โทมนัสก็ไม่เกิด

    ผู้ฟัง คือเห็นจริงๆ ว่า มันวิจิตรเป็นอนัตตาจริงๆ แล้วดิฉันก็จะแสดงความคิดเห็นนิดหนึ่งว่า แม่ที่เขาบอกกับคนนั้นว่า ลูกเขาตาย ตรงนั้นดิฉันคิดว่า เขาไม่ได้เสียใจในการที่ลูกเขาตายเลย เขาเสียใจที่เขาไม่ได้บอกกับคนๆ นั้น ก็กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ แค่นี้ค่ะ คือ คิดว่าสภาพธรรมะ สภาพที่ลึกซึ้งมาก แล้วก็ต้องศึกษาต่อไปนานๆ กราบขอบพระคุณ ค่ะ


    หมายเลข 10136
    17 ส.ค. 2567