ต่างกันแค่ชื่อ


    ผู้ฟัง ตอนต้นของพระสูตร ก็มีพูดไว้ว่า หมู่สัตว์นั้นยอมฟังด้วยดี เงี่ยโสตสดับตั้งจิตเพื่อรู้ทั่วถึง พอมาดูในอรรถกถา เข้าไปตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึงธรรม อยากจะให้อาจารย์ช่วยอธิบายให้กระจ่างหน่อย

    ส. ขณะนี้เป็นธรรมะ หรือยังคะ

    ผู้ฟัง เป็นแล้วครับ

    ส. สติ ระลึกได้ไหมคะ

    ผู้ฟัง ได้ครับ

    ส. แล้วแต่จะเป็นทางตา หรือหู จมูก ลิ้น กาย ใจ

    ผู้ฟัง เมื่อกี้นี้พูดถึง มหายาน อยากให้กลับไปอ่านกถาวัตถุ ร้อยปีที่สอง มีพูดถึงการแตกออกไปจากเถรวาท ๑๗ นิกาย แล้วก็มีการทำสังคายนา

    ส. ให้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ก็คงจะไม่ต้องพูดถึงเรื่องนิกายต่างๆ เพราะเหตุว่าสภาพธรรมะปรากฏให้พิสูจน์ ให้รู้ ให้เข้าใจ จะใช้ชื่อในลัทธิหรือนิกายหนึ่งว่าอะไร แต่สภาพของสติ ก็คือ สติ ไม่เปลี่ยน สภาพของโลภะก็คือโลภะ ไม่เปลี่ยน สภาพของจิต ไม่ว่าจะเป็นภวังคจิต หรือเป็นวิถีจิต ก็ไม่เปลี่ยน

    เพราะฉะนั้น ถ้าเข้าใจความหมายหรืออรรถ คือลักษณะของสภาพธรรมะนั้นๆ ชื่ออาจจะต่างกัน แต่ว่าผู้นั้นเป็นผู้มุ่งที่จะเข้าใจธรรมะ ก็จะไม่สนใจเพียงคำ แต่สนใจที่จะเข้าใจความจริงของลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังมีจริงๆ ในขณะนี้ เพราะเหตุว่าเป็นสิ่งที่หายาก ไม่ทราบว่าในกี่ภพ กี่ชาติ จะมีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงที่รวบรวมไว้เป็นพระไตรปิฎก แล้วก็สามารถที่จะพิสูจน์ได้ เพราะว่าเป็นสภาพธรรมะที่มีจริงในชีวิตประจำวัน โดยที่คงจะไม่ต้องไปเปลี่ยนชื่อ ให้ย้ายนิกาย หรืออะไร แต่ว่าให้ผู้ที่สนใจจะเข้าใจความจริงได้ฟัง ได้พิจารณา ในความถูกต้อง


    หมายเลข 10149
    14 ส.ค. 2567