สัจจญาณ - ญาตปริญญา
อ.นิภัทร ท่านอาจารย์ สัจญาณกับญาตปริญญา ความหมายต่างกันอย่างไร สัจญาณ ในอริยัจ ๔ ที่ว่า สัจญาณ กิจญาณ กตญาณ ญาณ ๓ ในอริยสัจ ๔ กับญาตปริญญา สงเคราะห์กันได้ไหม
ส. อริยสัจ มี ๔ ทุกคนก็เรียงลำดับได้ แล้วก็สัจญาณ กิจญาณ กตญาณ เป็นอาการ ๓ ของอริยสัจทั้ง ๔
สัจญาณ ญาณ คือ ปัญญา สัจจะ คือ ความจริง ถ้ารู้จริงๆ ว่าความจริงคืออะไร ขณะนี้เป็นนามธรรม เป็นรูปธรรม มีความมั่นคงที่จะรู้เรื่องทุกขสัจว่า ไม่ใช่ทุกข์อื่น ไม่ใช่ต้องไปแสวงหา ไปทำทุกข์ให้เกิดขึ้น แต่ปัญญาจริงๆ ต้องสามารถที่จะรู้ไตรลักษณะ คือ ลักษณะที่เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง ไม่ใช่สภาพที่ยั่งยืน อนัตตา คือ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ถ้ามีความรู้ที่มั่นคงอย่างนี้จริงๆ ขณะนั้นจะไม่ทำอย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่มรรค
เพราะฉะนั้น รู้จริงๆ อย่างนี้ คือ สัจญาณในอริยสัจทั้ง ๔ ว่า ทุกข์คืออย่างไร หนทางคือละ ไม่ใช่หนทางเพื่อต้องการจะได้มากๆ บอกวิธีทำอย่างไรสติจะเกิด หรืออะไรอย่างนี้ นั่นคือไม่ใช่สัจญาณ แต่ถ้าสัจญาณในอริยสัจ ๔ คือสามารถที่จะรู้อริยสัจทั้ง ๔ ตามความเป็นจริงว่า เป็นอย่างนี้ ตามความเป็นจริง นั่นคือสัจญาณ
อ.นิภัทร จะเป็นความรู้ขั้นไตร่ตรองก่อนใช่ไหม
ส. แต่ว่าแม้จะเข้าใจอย่างนี้ ก็ลองพิจารณาดู ผู้ที่ได้ศึกษาอภิธรรมแล้ว การประพฤติปฏิบัติ การอบรมเจริญปัญญาตรงตามที่ได้ศึกษาหรือเปล่า ถ้าตรงตามที่ได้ศึกษา มีความมั่นคง ไม่เปลี่ยน นั่นคือสัจญาณ ปัญญาความรู้ที่มั่นคงแน่นอนในอริยสัจ ๔ ไม่ไปทำอย่างอื่น
ผู้ฟัง อันนี้เป็นความเข้าใจ แต่ว่าขณะที่สติปัฏฐานเกิด หรือว่า วิปัสสนาญาณเกิด ขณะนั้นก็มีการรู้ความจริง ใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้น ก็ต้องมีสัจญาณด้วย
ส. ค่ะ ทั้ง ๓ อย่างจะประกอบไปทุกขณะ ไปตลอดหมด
ผู้ฟัง ในวิสุทธิมรรคแสดงว่า สัจญาณมีทั้งโลกียะ และโลกุตตระ เพราะฉะนั้น ขณะที่รู้ความจริงทั้งหมด ขณะนั้นก็เป็นสัจญาณ
ส. เพราะฉะนั้น จะตามลำดับว่า ถ้าไม่มีสัจญาณอันนี้ก่อน สติจะเกิดไหม เพราะฉะนั้น จะตามประคองไปทั้งหมด ทุกขั้นจะขาดอาการ ๓ นี้ไม่ได้เลย ทั้งสัจญาณ ทั้งกิจญาณ ทั้งกตญาณ แล้วก็จะต้องเป็นไปตามลำดับเพิ่มขึ้น
ผู้ฟัง เพราะฉะนั้น ปริญญาก็แคบกว่า เพราะว่าปริญญานี้หมายถึงวิปัสสนาญาณ
ส. วิปัสสนาญาณ แต่ต้องเป็นวิปัสสนาญาณ ถ้าเป็นสติปัฏฐานก็ไม่ใช่ปริญญา
ผู้ฟัง ครับ แต่ว่าสัจญาณจะกว้างกว่า
ส. ตามประกอบไปทั้งหมดเลย คือ ถ้าไม่ประกอบเมื่อไรก็หลงทางเมื่อนั้น