ลักษณะของโลภะกับลักษณะของโลภะซึ่งเป็นธาตุชนิดหนึ่ง ไม่ใช่เรา


    ผู้ถาม แล้วในขณะที่เรายังเป็นปุถุชนธรรมดาอยู่ โลภะที่เกิดที่มีทิฏฐิเจตสิกเกิดร่วมด้วยกับโลภะที่เกิดแล้วไม่มีทิฏฐิเจตสิกเกิดร่วมด้วยมีไหมในชีวิตประจำวัน

    สุ. แน่นอน คุณสุกัญญารู้ลักษณะของโลภะที่เกิดขณะไหน

    ผู้ถาม ขณะที่เป็นความต้องการ

    สุ. คิดว่าขณะนั้นเป็นโลภะหรือรู้ลักษณะของโลภะซึ่งเป็นธาตุชนิดหนึ่ง ไม่ใช่เรา นี่เป็นความต่างกัน เพราะฉะนั้นการฟังเข้าใจ จะเข้าใจเรื่องราวของสภาพธรรม แต่การที่เข้าใจลักษณะสภาพธรรมแต่ละอย่างไม่ใช่เพียงขั้นฟัง อย่างขณะนี้กล่าวถึงจิต โลภมูลจิต หรือโทสมูลจิต โมหมูลจิต รู้จักจิตหรือยัง ยัง เพราะฉะนั้นก็รู้จักชื่อเท่านั้นเอง แต่พระผู้มีพระภาคไม่ได้ทรงแสดงเพียงหนทางที่จะให้เรารู้จักสภาพธรรม แต่ยังทรงแสดงหนทางที่จะดับกิเลสด้วย ให้รู้ความจริงของสภาพธรรมนั้นๆ

    ผู้ถาม ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าตราบใดเรายังไม่รู้จักสภาพธรรม เราก็จะมาคิดวนไปเวียนมาแล้วก็มาคิดสงสัยอยู่อย่างนี้ใช่ไหม

    สุ. สงสัยด้วย ค่อยๆ เข้าใจเรื่องราวของสภาพธรรมนั้น อย่างที่ทรงแสดงไว้ อัสสาทะ อาทีนะวะ นิสสรณ ฟังดูเป็นภาษาบาลีแต่เป็นชีวิตประจำวัน “อัสสาทะ” หมายความถึงสิ่งที่น่าพอใจ ความแช่มชื่นของสิ่งที่มี ที่ปรากฏซึ่งทำให้มีความติดข้อง และโสมนัส ชีวิตประจำวันหรือเปล่า อัสสาทะของรูปมีไหม พอใจในรูปแล้ว แต่ไม่เห็นโทษของรูปว่าเกิดดับ และสำหรับบางคนที่เพียงฟัง เพราะเห็นว่าสภาพธรรมเกิดดับ แต่ไม่รู้หนทางที่จะประจักษ์แจ้งที่จะสลัดความติดข้องในสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นที่ทรงแสดงไว้นั้นครบถ้วน สิ่งที่มีที่น่าพอใจที่ทำให้ติดข้องมี แต่โทษของสิ่งนั้นก็คือสภาพนั้นไม่เที่ยงเลย จะชอบอะไรสักเท่าไหร่ก็ตาม เราไม่ได้รู้ความจริงของสิ่งนั้น ชอบสีสันวัณณะที่ปรากฏ แต่ก็มีความทรงจำด้วยว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร

    เพราะฉะนั้นความพอใจของเราตั้งแต่เพียงลืมตา จะใช้คำว่าแง้มตาขึ้นมานิดหนึ่ง ยังไม่ทันลืมกว้างๆ เพียงสิ่งใดปรากฏก็มีความติดข้อง และความไม่รู้ในสิ่งนั้น กิเลสนี่จะไหลมาเร็วสักแค่ไหน แล้วก็เห็นแล้วก็นึกถึงอีกทั้งวัน เรานึกถึงสิ่งที่เราเห็น พรุ่งนี้เราจะรับประทานอะไรก็เป็นสิ่งที่เรารับประทานแล้วชอบ เราจะไปซื้อที่ไหนก็รู้อีก จะไปร้านไหนที่เราพอใจจะไป ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าปัจจัยที่จะทำให้เกิดโลภะแค่ไหนในวันหนึ่งๆ แต่ว่าถ้าเห็นโทษก็คือเริ่มฟัง เริ่มรู้ว่าที่ยังคงมีสังสารวัฏต่อไปก็เพราะเหตุว่ายังคงมีความติดข้องนั่นเอง และพระผู้มีพระภาคก็ทรงได้แสดงหนทางที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เพียงให้รู้โดยการฟัง แต่ทรงแสดงหนทางที่จะประจักษ์ความจริงของสิ่งที่พระองค์ได้ทรงแสดงแล้ว และผู้อื่นกำลังฟัง และเริ่มเข้าใจเพียงเริ่มเข้าใจ หนทาง


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 183


    หมายเลข 10216
    3 ก.ย. 2567