ความรู้ไกลจากความไม่รู้
ท่านอาจารย์ ขณะใดที่อกุศลประเภทใดเกิด ให้ทราบว่ามีความไม่รู้อยู่ขณะนั้น เพราะฉะนั้น ความไม่รู้มากแค่ไหน เพราะอกุศลก็มีหลายอย่าง ไม่ใช่มีแต่เฉพาะโลภะ ความติดข้อง ความโกรธเกิดขึ้น ขณะนั้นก็มีความไม่รู้ ความสำคัญตนเกิดขึ้น ขณะนั้นก็มีความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ความไม่รู้จะมากมายสักแค่ไหน ยิ่งกว่าสภาพของอกุศลทั้งหลาย เพราะบางขณะที่โลภะไม่เกิด โทสะเกิด แต่แม้ขณะนั้นก็ต้องมีความไม่รู้อยู่ด้วย
อ.ธิดารัตน์ ประโยชน์อย่างไรท่านถึงต้องแสดงความเป็นทาสของตัณหา
ท่านอาจารย์ พระธรรมทั้งหมดเพื่อเข้าใจถูก เพื่อเห็นถูกตามความเป็นจริงว่า เป็นธรรมะ แค่ตามความเป็นจริงก็ยังเป็นเรา เราตื่นขึ้นวันนี้ เราต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ยังเป็นเรา แต่ตามความเป็นจริงก็คือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมีจริงๆ ตามเหตุตามปัจจัยซึ่งไม่ใช่เรา ให้รู้ความจริง พระธรรมทั้งหมดเพื่อให้รู้ความจริง ไม่ว่าความจริงนั้นคือขณะไหน ขณะเห็นก็จริงยังไม่รู้ความจริง ขณะกำลังได้ยินเดี๋ยวนี้ก็จริงก็ยังไม่รู้ความจริง ขณะกำลังคิดเดี๋ยวนี้ก็จริง แต่ไม่รู้ความจริง เพราะฉะนั้น พระธรรมที่ทรงแสดงทั้งหมดเพื่อให้เข้าใจถูก เห็นถูกในสิ่งที่มีจริงๆ จนกระทั่งสามารถรู้ได้ว่า แท้จริงก็เป็นธาตุ เป็นธรรมะแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
ความไม่รู้กับความรู้ไกลกันไหม ความไม่รู้มีมาก และกว่าจะรู้ว่า ความรู้จริงๆ ยิ่งรู้เท่าไรยิ่งไกลจากความไม่รู้มาก ความไม่รู้ ไม่รู้อยู่เสมอ ไม่รู้อยู่เรื่อยๆ มากมายมหาศาล แต่ว่าความรู้เพียงนิดหน่อยก็ยังไกลจากความไม่รู้มากมายอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นความรู้มาก รู้จริงๆ จะยิ่งไกลจากความไม่รู้สักแค่ไหน เพราะฉะนั้น ธรรมะของสัตบุรุษกับธรรมะของอสัตบุรุษก็ต้องต่างกัน
วันนี้เป็นห่วงอะไรไหมคะ กังวลอะไรไหม กังวลก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น ความไม่รู้มากแค่ไหน เพราะฉะนั้น ธรรมะของสัตบุรุษกับธรรมะของอสัตบุรุษก็ไกลกันมาก เทียบไม่ได้เลยระหว่างความไม่รู้กับความรู้
ถ้ารู้จริงๆ เดี๋ยวนี้มีไหมคะ มีก็มี ไม่มีก็ไม่มี ก็เท่านี้ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ้าถามว่า เดี๋ยวนี้มีไหม ตอบว่าอะไรคะ ไปคิดถึงเรื่องอื่นเยอะแยะ แต่ถามง่ายๆ ว่า เดี๋ยวนี้มีไหม
ผู้ฟัง เดี๋ยวนี้ก็มีสิ่งที่ปรากฏ แต่ไม่รู้ตามความเป็นจริง
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้มีไหม
ผู้ฟัง ก็มีสิ่งที่กำลังปรากฏ
ท่านอาจารย์ มีอะไร แล้วรู้อะไร เห็นไหมคะ ความห่างไกลกันของความรู้ และความไม่รู้มากแค่ไหน ห่างไกลพระพุทธเจ้าด้วยอะไรคะ
ผู้ฟัง ก็ด้วยความรู้กับความไม่รู้
ท่านอาจารย์ แล้วรู้แค่ไหน ที่จะได้ใกล้แค่ไหน
ผู้ฟัง จะศึกษาจากผู้ไกลแล้วสามารถเป็นผู้ใกล้
ท่านอาจารย์ ก็เมื่อมีความรู้ความเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ จะใกล้ก็คือเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ทุกคนไม่ต้องมีใครบอกใช่ไหม ใกล้แค่ไหน ไกลแค่ไหน รู้ด้วยตัวเองจากธรรมะที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ก็จะทำให้รู้ตัวเองว่า ไกล หรือใกล้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแค่ไหน
เพราะฉะนั้น ตัว ก. ไก่ อยู่ในหนังสือกี่เล่ม
ผู้ฟัง ก็นับไม่ถ้วน
ท่านอาจารย์ เปลี่ยน ก.ไก่ ให้เป็นอย่างอื่นได้ไหม
ผู้ฟัง ไม่ได้
ท่านอาจารย์ เพราะอะไรคะ เพราะรู้จักสภาพนั้นๆ ลักษณะนั้นๆ ว่าเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะทรงแสดงพระธรรมโดยนัยยะหลากหลายมากมาย จะพ้นจากความจริงซึ่งเป็นธรรมะแต่ละหนึ่งได้ไหม
ผู้ฟัง ก็ไม่ได้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น เห็นเดี๋ยวนี้เป็นธรรมะหนึ่ง ได้ยินเป็นธรรมะหนึ่ง คิดนึกเป็นธรรมะหนึ่ง ถ้าเข้าใจจริงๆ ก็เข้าใจถ่องแท้ในความไม่ใช่เรา แต่สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ตามความเป็นจริงเป็นอย่างไรก็คือเป็นอย่างนั้นแหละ จะไม่ใช้คำว่า “ธรรมะ” ก็ได้ มีสิ่งที่กำลังมีจริงๆ แต่ไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง จึงฟังเพื่อให้เข้าใจถูกต้องยิ่งขึ้น