กระต่ายตื่นตูม
ถ้าไม่ไตร่ตรองในเหตุในผล ก็จะตื่นตูมแตกตื่นตามกันไปด้วยความไม่รู้ ดังนั้นจึงควรสะสมความมีเหตุมีผลด้วยการศึกษาพระธรรม
อ.คำปั่น ในชาดกเรื่อง ทุททุภายชาดก ที่แปลว่ากระต่ายตื่นตูม เป็นเรื่องการปฏิบัติผิด มีความว่า ในอดีตกาลกระต่ายตัวหนึ่งนอนใต้ใบตาลแห้งในดงตาลที่มีต้นมะตูมแซม เขาคิดว่าถ้าแผ่นดินถล่มจะทำอย่างไร มะตูมก็หล่นลงกระทบกับใบตาลแห้งเกิดเสียงดัง กระต่ายคิดว่าแผ่นดินถล่มแล้ว เลยวิ่งหนีด้วยความเร็ว โดยไม่ได้หันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น สัตว์อื่นๆ เห็นกระต่ายวิ่งพร้อมกับกระต่ายอื่นๆ ก็วิ่งตามกันไป แผ่นดินตรงนั้นเต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิดที่กำลังวิ่งไปสู่ปากเหว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพระยาราชสีห์เห็นก็เลยถามว่า พวกท่านกำลังวิ่งหนีอะไร สัตว์ทั้งหลายก็ตอบว่า แผ่นดินจะถล่ม พระโพธิสัตว์เห็นว่าข้างหน้าเป็นเหว ก็เลยวิ่งไปหยุดตรงหน้าพร้อมกับเปล่งเสียงคำรามแล้วถามว่า ใครเป็นคนบอกว่าแผ่นดินถล่ม จนถึงกระต่ายตัวต้นเหตุ พระโพธิสัตว์คิดว่า กระต่ายคงได้ยินเสียงที่ทำให้เข้าใจว่าแผ่นดินถล่ม จึงให้กระต่ายขี่หลังไปดูที่เกิดเหตุ เมื่อตรวจดูเห็นมะตูมหล่นอยู่บนในตาลแห้ง จึงคิดว่านี่คือเสียงที่ทำให้กระต่ายคิดว่าแผ่นดินถล่ม จึงพากระต่ายมาบอกว่า ไม่มีแผ่นดินถล่ม แต่เป็นมะตูมหล่นบนใบตาลแห้ง จึงสำคัญผิดว่า แผ่นดินถล่ม เป็นเหตุให้พวกท่านวิ่งตามๆ กันด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร
ท่านอาจารย์ เห็นการสะสมของความคิดไหมคะ พระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นราชสีห์กับกระต่ายคิดต่างกัน ถ้าไม่ไตร่ตรองในเหตุผล ไม่เข้าใจ เพียงคิดเองก็เข้าใจผิดตามๆ กันไป ตอนนี้กระต่ายอยู่ไหน ไม่รู้ สัตว์นานาชนิดชวนกันวิ่งไปใกล้ปากเหว เดี๋ยวนี้อยู่ไหน ถ้าไม่ไตร่ตรองก็เหมือนเดิมที่เป็นผู้ตามโดยไม่คิดเลยว่า เหตุผลเป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้น แม้การเป็นผู้มีเหตุผลก็ต้องมาจากการสะสม แม้เป็นสัตว์คือเป็นราชสีห์ที่เป็นพระโพธิสัตว์ ความคิดก็ยังต่างกัน เมื่อเราได้ยินได้ฟังธรรมะแล้ว การเป็นผู้มีเหตุมีผล และสะสมไปอย่างมั่นคงที่จะไม่ตื่นตูม เพราะเหตุว่าถ้าไม่ไตร่ตรองก็จะชักชวนกันไปในทางที่ผิด เพราะไม่ได้เข้าใจอะไรเลย เขาว่าก็เขาว่า แผ่นดินถล่มก็วิ่งกันไป
อ.อรรณพ อย่างในยุคนี้จะเรียกว่าเป็นยุคของการตื่นตูมก็ได้ เช่น สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม ตื่นตูมด้วยความเห็นผิด ประดุจบ่ายหน้าไปสู่ปากเหวที่อันตราย พระธรรมก็ช่วยให้ไม่ตื่นตูม แต่มีเหตุผล
ท่านอาจารย์ กระต่ายตัวแรกอยู่ไหนก็ไม่รู้ แค่ได้ยินว่า แก้กรรม ก็ตื่นตูม ไม่รู้ว่ากรรมคืออะไร แล้วแก้ได้หรือ สิ่งที่เกิดแล้วดับแล้ว ไม่กลับมาอีกเลย ใครแก้ได้
เพราะฉะนั้น กระต่ายทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายสมัยโน้นหมดไปจากโลกหรือยัง ยังคงวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ถ้าตื่นตูมก็เหมือนชาดก
อ.อรรณพ กระต่าย และสัตว์เหล่านี้จะเลิกตื่นตูมได้อย่างไร
ท่านอาจารย์ ก็ราชสีห์พากระต่ายกลับไปรู้ความจริง แล้วจะหากระต่ายที่ตื่นตูมตัวแรกพบไหม ถ้าไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะรู้ไหม ไม่มีทาง แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต เป็นเรื่องจริงที่ทรงแสดงในชาดกที่เป็นชาติหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้ว