เพราะไม่รู้


    ผู้ถาม ที่กล่าวว่าโมหมูลจิตมีโทษมาก หรือว่าร้ายแรง มีความรู้สึกว่ามองไม่เห็นโทษ

    สุ. มีโทษมากคลายช้ากว่าจะหมด ไม่รู้ทุกขณะที่อกุศลจิตเกิด

    ผู้ถาม แต่มันก็ไม่ได้เดือดร้อนที่จะไม่รู้

    สุ. เพราะฉะนั้นก็โทษเยอะเพราะว่าไม่รู้ ถ้ารู้ก็ยังโทษน้อย นี่ไม่รู้เลยยังไงๆ ก็ไม่รู้ๆ ทั้งนั้นเลย ความไม่รู้เป็นโทษมากหรือโทษน้อย ไม่รู้นี่ ถ้าไม่รู้แล้วทำอะไรได้ทุกอย่างที่เป็นอกุศลเพราะไม่รู้ ทำดีได้ไหมถ้าอกุศลหรือไม่รู้เกิดขึ้น

    ผู้ถาม ถ้าอกุศลก็คงทำดีไม่ได้

    สุ. เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ไปเอาคำในพระไตรปิฎกหรืออรรถกถามากล่าวเพราะนั่นเป็นคำของท่านที่เห็นโทษ เพราะท่านมีปัญญาที่สามารถเห็นโทษ ถ้าปัญญาสามารถที่จะเห็นโทษเมื่อไหร่ก็กล่าวอย่างนั้น

    อ.ธิดารัตน์ โมหะมีโทษมาก และก็คลายช้า เพราะจริงๆ แล้วลักษณะของโมหะยิ่งถ้าไปเกิดกับอุทธัจจะด้วย รู้ได้ยากมากเลย ถ้าหากว่าไม่ได้อบรมเจริญปัญญาก็ไม่สามารถที่จะรู้ลักษณะของโมหะที่เกิดดับอุทธัจจะนี้ได้เลย

    สุ. ถ้าหิริ และโอตตัปปะของพระโสดาบันเท่ากับพระอนาคามี ก็ไม่ต้องอบรมเลยใช่ไหม นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าแม้แต่หิริโอตตัปปะของปุถุชนก็ไม่เหมือนหิริโอตตัปปะของพระโสดาบัน หิริโอตตัปปะของพระโสดาบันก็ไม่เหมือนพระอริยขั้นสูงต่อไป

    อ.ธิดารัตน์ หมายความว่าแม้ลักษณะของโมหะนี่ก็มีลักษณะทั้งกำลังมาก กำลังน้อยหยาบ ละเอียด คือตามการสะสม

    สุ. ยังไงก็เกิดดับอกุศลทุกประเภทเลย ขาดโมหะไม่ได้เลย แล้วจะไม่เป็นโทษมากได้ยังไง

    อ.ธิดารัตน์ และที่น่ากลัวมากเลยคือปกปิดไม่ให้รู้ความจริงทั้งหมดเลย ก็คือเหมือนกับกั้นปัญญาเลยใช่ไหม

    สุ. มืดบอดเลยก็คือไม่สามารถจะเข้าใจถูก เห็นถูก ตามความเป็นจริงได้


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 189


    หมายเลข 10357
    3 ก.ย. 2567