บุคคล ๔ จำพวก
ผู้ฟัง ผมขอย้อนถามตรงนี้สักหน่อยครับคือที่ว่า มาสว่าง ไปมืด ในความเข้าใจของผม ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของผู้เบื้องต้นเลย เป็นเรื่องของกุศลกับอกุศล ผมก็คอยคิดไปว่า ถ้าเกิดมา แล้วได้ประพฤติปฏิบัติที่มันเป็นกุศล กุศลกรรม เพราะว่าปกติชีวิตประจำวันต้องมีการกระทำทางกายทางวาจาทางใจตลอดเวลา การกระทำที่มันไม่ถูกต้องก็มี ที่เรียกว่าอกุศลกรรม ฉะนั้นถ้าเกิดทำแต่อกุศลกรรม น่ากลัวถ้าจะไปมืด ผมเข้าใจตรงนี้ ผมก็ยังไม่เข้าใจโดยละเอียดว่ามันคืออย่างไร ก็ขอเรียนถามคุณน้าธนิต ช่วยขยายว่า อกุศลกรรมเกี่ยวข้องกับไปมืดไหมครับ
อ.ธนิต ในเมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์ คือ มาสว่าง แล้ว ขอว่าให้สนใจเถอะ เดี๋ยวจะไปมืดนะ นัยอย่างนี้ ไม่ต้องไปคิดลึก
อ.ประเชิญ จุดประสงค์ของคุณน้าก็ดีที่จะให้เข้าใจธรรมที่แท้จริง แต่อย่างที่ท่านผู้ถามได้ถาม ในพระสูตรก็มีเช่นเดียวกัน ท่านจะมีถึง ๔ คู่ เคยได้ยินใช่ไหมครับ ที่ว่า สว่างมาสว่างไป สว่างมามืดไป มืดมาสว่างไป มืดมามืดไป ในทำนองนี้ก็มีเช่นเดียวกันในบุคคล ๔ จำพวก ในพระสูตรในอังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต หมวด ๔ แล้วก็มีบุคคล ๔ จำพวก ในอภิธรรมที่เป็นบุคคลบัญญัติ ท่านก็แสดงบุคคล ๔ จำพวก ลักษณะเดียวกัน เช่นเดียวกัน แต่ในที่นั้นท่านก็จะอธิบายเหมือนกับที่ท่านผู้ถามถามเช่นเดียวกัน คือ ลักษณะของมาสว่างคือเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาสกุลสูง มีโภคสมบัติเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่ว่าเพราะทำอกุศลกรรมทำให้ไปเกิดในอบาย ทุคติ อันนี้สว่างมามืดไป ถ้าว่าเกิดมาในสกุลสูง แล้วทำกุศลกรรม ประพฤติความดีในชาตินี้ ตายจากชาตินี้ไป แล้วไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ อันนี้ท่านก็แสดงว่า สว่างมาสว่างไป ส่วนมืดในพระสูตรตรงนี้ท่านได้กล่าวถึงตระกูลที่เป็นตระกูลต่ำ สำหรับมนุษย์ที่เกิดในสกุลต่ำ ท่านก็แสดงว่า มืดมา ก็คือมาเกิดในสกุลต่ำ ที่ถูกอกุศลกรรมเบียดเบียน ทำให้เกิดในสกุลต่ำ ที่สว่าง ที่เกิดในสกุลสูง ก็แสดงถึงกุศลวิบากที่เป็นฝ่ายของกุศล ผลของกุศล ทำให้เกิดในสกุลสูง แต่ถ้ามาเกิดในสกุลต่ำ แล้วฟังพระธรรม ประพฤติกุศลกรรม ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ ทำให้ไปเกิดในสุคติ อย่างนี้ก็เรียกว่า มืดมาสว่างไป แต่ถ้าเกิดมาในสกุลต่ำ แล้วยังประพฤติ อกุศลกรรมอยู่ ก็ไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก มืดมาก็มืดไป ทำนองนี้ท่านก็มีในพระสูตร ในอังคุตตรนิกายก็มี ในอภิธรรมก็มี