เพิกอิริยาบท
ผู้ฟัง ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ คือ บังเอิญเอาเรื่องนี้มาใส่ไว้ในอิริยาบถบรรพ ก็เลยคิดว่าการยืน การเดิน การนั่ง การนอน ถือเป็นอารมณ์ของวิปัสสนาได้หรือเปล่า
ท่านอาจารย์ รูปยืน มีจริงๆ หรือเปล่า
ผู้ฟัง จะไม่ใช้ว่ารูปยืนก็ได้ คือ เขาก็ไม่ใช้รูปยืน เขาใช้คำว่าการยืน การเดินการนั่ง
ท่านอาจารย์ ถ้าไม่มีรูป ยืนได้ไหม
ผู้ฟัง มันเป็นอาการ เพราะฉะนั้นผมถึงได้งงว่า คำอธิบายในนี้ ผมอ่านอย่างไร มันก็ไม่เข้าใจ เขาใช้คำว่า เป็นรูปธรรม ประกอบกันเป็นอิริยาบถใหญ่
ท่านอาจารย์ ประกอบกัน บอกแล้วใช่ไหม
ผู้ฟัง ประกอบกัน ประชุม ที่ประชุมแห่งธรรม
ท่านอาจารย์ ทำไมทิ้งคำว่า ประกอบกัน ทำไมทิ้งคำว่า ที่ประชุมแห่งธรรม ก็บอกแล้วว่า ประกอบกัน จึงได้เข้าใจว่า เป็นรูปนั่ง แต่การที่จะรู้รูป จะรู้ได้ทางทวารไหน รูปมีทั้งหมด ๒๘ รูป แต่รูปที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าชาติไหนก็ตาม มี ๗ รูป คือ สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ๑ เสียงที่ปรากฏทางหู ๑ กลิ่นที่ปรากฏทางจมูก ๑ รสที่ปรากฏทางลิ้น ๑ สี่เเล้วใช่ไหม และก็เย็นหรือร้อนธาตุไฟ ๑ รูป รู้ได้ทางกาย อ่อนหรือแข็งธาตุดิน ๑ รูป รู้ได้ทางกาย ตึงหรือไหว รู้ได้ทางกาย ๑ รูป รวม ๓ รูป ที่รู้ได้ทางกาย เรียกว่าโผฏฐัพพารมณ์หรือจะใช้คำว่า โผฏฐัพพายตนะ ก็ได้
ถ้าต่อไปก็จะทราบ ว่าสิ่งที่มีจริง ที่จะปรากฎได้ ต้องอาศัยการประชุมของสภาพธรรมอะไรบ้าง สิ่งนั้นๆ จึงจะปรากฏได้ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ข้ามเลย ถ้าเราข้ามคำว่าประชุม เราก็หลงผิดแล้ว ใช่ไหม แต่ความจริง แต่ละรูปในที่นั้นเกิด และก็มีการทรงจำว่า ไม่ได้ดับ แต่ความจริงรูปขณะนี้ทยอยกันเกิด และก็ทยอยกันดับ รูปใดที่ไม่ปรากฏ รูปนั้นเกิดแล้ว ดับแล้ว ขณะนี้ถ้าแข็งปรากฏตรงไหน หมายความว่าลักษณะแข็งนั้นเกิด และผู้ที่ประจักษ์ความจริงก็ประจักษ์การดับ และการเกิด และดับ ของสภาพธรรมนั้น จึงเป็นทุกขลักษณะ ที่เป็นอริยสัจธรรมได้
เพราะเหตุว่าสภาพธรรมใด ที่เกิดแล้วดับ แล้วไม่รู้ ก็ไม่มีการละคลาย ก็ต้องยึดถือสิ่งนั้น ยังมีความพอใจในสิ่งนั้น แต่ถ้าสามารถประจักษ์การเกิดดับจริงๆ จะเห็นไหมว่า ไม่มีอะไรเลย เพียงแต่เป็นสภาพธรรม ที่เกิด และก็ดับอยู่ตลอดเวลา เกิดแล้วก็ดับอยู่ตลอดเวลา ไม่เหลืออะไรเลย
ถ้าไม่ได้อบรมเจริญปัญญาถึงระดับนี้ ดับการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนไม่ได้ แม้จะคลายการยึดถือสภาพธรรม ว่าเป็นตัวตนก็ไม่ได้ ทั้งๆ ที่กำลังนั่ง ปอดปรากฎหรือเปล่า ผมปรากฏหรือเปล่า
ผู้ฟัง ไม่ปรากฏ
ท่านอาจารย์ แล้วมีหรือเปล่า
ผู้ฟัง มี แต่ไม่ปรากฎ
ท่านอาจารย์ ยังยึดถือว่ามี แต่ว่าตามความเป็นจริง รูปใดที่ไม่ปรากฏ รูปนั้นเกิดแล้ว ดับแล้วทั้งหมด ทั้งหมดจริงๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีท่านั่ง รูปนั่ง เพราะว่าการอบรมเจริญปัญญา ต้องถึงการเพิกอิริยาบถ คือ ไม่มี เราทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า เหลือเพียงส่วนที่ปรากฏทางกายทวาร แล้วก็สืบต่อทางมโนทวารเท่านั้นเอง หายไปหมดทั้งตัว เพราะว่ารูปได้ที่ไม่ปรากฏ รูปนั้นเกิดแล้ว ดับแล้ว จึงจะไม่มีเราได้ แต่ถ้ายังรวมกันอยู่ตราบใด ก็ยังคงต้องเป็นเราอยู่ตราบนั้น เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรม แม้แต่การอ่าน ก็ต้องละเอียด ถ้าประชุมรวมกัน ก็ต้องเข้าใจว่า เป็นรูปแต่ละกลุ่มเล็กๆ ละเอียดมาก ซึ่งประชุมรวมกัน