ฟื้นฟูธุดงค์ได้หรือ


        ธุดงค์เป็นการขัดเกลากิเลสที่ยิ่งขึ้น โดยไม่ได้บอกกล่าวผู้ใด ไม่ใช่การเดิน เป็นหมู่ และการเรี่ยราย ซึ่งไม่มีในสมัยพุทธกาล จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นฟู สิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่เคยมีมาในพระธรรมวินัย แต่สิ่งที่ควรฟื้นฟูอย่างยิ่ง คือการศึกษาสนทนาธรรม เพื่อความเข้าใจถูกตามความเป็นจริง


        ท่านอาจารย์ เข้าใจผิดเรื่องธุดงค์ มีหรือไม่เหตุการณ์ในครั้งพุทธกาล เพราะฉะนั้นจะไปฟื้นฟูอะไร ไม่เคยมีมา ไม่ใช่ฟื้นฟู แต่เป็นการเติมแต่ง เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เป็นการฟื้นฟูสิ่งที่ไม่มี เช่น การเดินเป็นหมู่ และกล่าวว่าเป็นธุดงค์ แต่สิ่งที่เคยมีแล้วในอดีตก็คือการเข้าใจพระธรรม การฟังพระธรรม สนทนาธรรม ศึกษาพระธรรม สิ่งนี้หายไป เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะฟื้นฟู

        ผู้ฟัง เป็นอันตรายมากเกี่ยวกับการที่ว่า พระที่มาธุดงค์แล้วไม่ได้รู้พระธรรมวินัย ซึ่งผมประสบพบเมื่อ ๓ ปี ก่อนนี้ พระธุดงค์ประมาณ ๒๐๐ รูป เดินทางผ่านเส้นทางที่หนองหญ้าปล้องที่ผมอยู่ ๑. การเดินของท่านก็ไม่ได้มีอาการสำรวม ๒. ท่านก็เดินไปดื่มน้ำไป ๓.ไม่ได้อยู่ในลักษณะของผู้ที่มองไปแค่ใกล้ๆ สายตาท่านก็สอดส่ายไปทั่วๆ แล้วก็มีการชักชวนช่วยบริจาคปัจจัยให้กับพระธุดงค์ สิ่งที่พบเห็นเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง และไม่ได้ทำความเจริญให้พระพุทธศาสนาในทางที่ถูกต้อง

        ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นบุคคลใดไม่ได้เข้าใจพระธรรม ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติพระธรรมวินัย ไม่ใช่พระ แล้วก็ไม่ใช่ธุดงค์ด้วย เพราะว่าธุดงค์จะเป็นการขัดเกลากิเลส ซึ่งไม่มีการบอกกล่าวผู้ใด การเรี่ยไรก็ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย

        อ.กุลวิไล ท่านก็ไม่ได้มักน้อยสันโดษในการที่จะขัดเกลา แม้แต่บิณฑบาต ที่อยู่อาศัย อาหาร และจีวร ถ้าไม่ได้ศึกษาก็จะไม่ทราบว่าข้อประพฤติปฎิบัติตามพระธรรมวินัยเป็นอย่างไร

        ท่านอาจารย์ เป็นประโยชนหรือไม่ ที่เราจะได้ฟังความจริงตามพระธรรมวินัยเพื่อที่จะได้เข้าใจถูก ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมเลย ใครจะรู้ ก็ต้องเข้าใจผิดหลงผิด คิดว่าเป็นพระธุดงค์

        อ.กุลวิไล เห็นด้วยกับท่านอาจารย์เรื่องของการฟื้นฟูพระธรรมวินัย เพราะว่าชาวพุทธขาดการศึกษาพระธรรมวินัย แล้วก็ประพฤติปฏิบัติที่ผิด แล้วก็ทำลายพระธรรมวินัย

        ท่านอาจารย์ พระศาสนาจะลบเลือนเพราะพุทธบริษัทที่ไม่ได้ศึกษาไม่ได้เข้าใจพระธรรม คนอื่นทำลายพระศาสนาไม่ได้นอกจากพุทธบริษัทที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะ


    หมายเลข 10461
    6 ม.ค. 2567