นับถือพุทธศาสนาจริงหรือ
ถ้านับถือพระพุทธศาสนาก็ต้องเข้าใจพระธรรมวินัยของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถ้าไม่ได้ศึกษาก็ไม่เข้าใจ แล้วจะกล่าวว่านับถือพระพุทธศาสนาได้อย่างไร
มีใครในโลกนี้บ้าง ที่นับถือพระพุทธศาสนา ไม่ว่าโลกนี้หรือโลกไหน มีใครบ้าง ที่นับถือพระพุทธศาสนา ถ้าบอกว่านับถือพระพุทธศาสนา ต้องรู้จัก พระพุทธศาสนาคืออะไร ไม่ใช่ว่านับถือ และไม่รู้จักว่านับถืออะไร ต้องเป็นผู้ที่ตรง เพราะฉะนั้นมีใครในโลกนี้ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย โลกนี้ทั้งโลก และโลกอื่นด้วย โลกอื่นไม่เห็น ก็คงไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยว แค่โลกนี้ที่มีประเทศต่างๆ มีคนมากมาย มีใครบ้างที่นับถือพระพุทธศาสนา คนอื่นตอบได้ไหม นอกจากตัวเอง ตัวเองก็ยังตอบไม่ได้ เพราะอาจจะเข้าใจผิดคิดว่านับถือ แต่ว่าตามความเป็นจริง ศาสนาคือคำสอนของใคร ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่เข้าใจแล้วจะชื่อว่า นับถือพระพุทธศาสนาหรือ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เรื่องที่คิดทางด้านกฎหมาย หรือว่าเรื่องความคิดเห็นส่วนตัว แต่ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจจริงๆ ที่ว่าพระอรหันตสัมมาพุทธเจ้าเป็นใคร
รัตนะที่ประเสริฐสุด พระธรรมคือคำสอน ประเสริฐสุด เพราะสามารถที่จะดับกิเลส และความไม่รู้ ซึ่งไม่รู้เลยไม่ว่าจะเกิดมากี่ภพ กี่ชาติ ก็ไม่รู้ จนกระทั่งผู้นั้นเข้าใจถูก แล้วก็ประพฤติตาม จนสามารถรู้แจ้งความจริงได้ เป็นพระอริยบุคคล พระอริยบุคคลจะกล่าวว่า ไม่นับถือพระพุทธศาสนาได้ไหม ไม่ได้เลย แต่คนที่ไม่รู้เลย พระพุทธเจ้าสอนอะไร ความจริงคืออะไร มีกฎหมายมีอะไรมากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดเพื่ออะไร เพราะฉะนั้นจะชื่อว่า นับถือพระพุทธศาสนาได้ไหม เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่เข้าใจธรรม ไม่เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา จะเรียกตัวเองว่าอะไรก็ตาม แต่ปฏิเสธความจริงได้ไหม ว่าถ้านับถือพระพุทธศาสนาก็ต้องเข้าใจพระพุทธศาสนา ต้องมีความเข้าใจถูกในพระรัตนตรัย ไม่ใช่มีการกล่าวว่านับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ ไม่ตรง และไม่จริง ถ้านับถือเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ต้องรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทรงแสดงธรรมที่ไม่เหมือนใครที่ไม่รู้ และก็กล่าวกันต่างๆ
เพราะฉะนั้นพระธรรม ก็คือคำสอนที่ทำให้ผู้ฟัง เกิดปัญญา และก็รู้ด้วยว่าปัญญาคืออะไร และปัญญารู้อะไร และปัญญาละ ไม่ใช่ปัญญาแล้วเกิด แล้วติดข้อง ไม่ใช่หน้าที่ของปัญญาเลยที่จะติดข้อง เพราะรู้ความจริง เพราะฉะนั้นพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่ใครจะเอ่ยง่ายๆ ว่านับถือพระพุทธศาสนา แต่ต้องเป็นผู้ที่ตรงว่า ได้เริ่มเข้าใจพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเห็นจริงๆ ว่าไม่มีใครที่สามารถที่จะให้ปัญญาของใครเกิดได้ นอกจากได้ฟังวาจาสัจจะ ซึ่งกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ โดยละเอียดยิ่ง เพราะฉะนั้นมีพระธรรม และพระวินัย ซึ่งสำหรับผู้ที่เข้าใจถูกต้อง วินัยคือการกำจัดกิเลส และถ้าไม่มีการเข้าใจถูกต้องในธรรม อะไรจะกำจัดกิเลส เพราะฉะนั้นพระธรรมก็เป็นวินัย วินัยก็เป็นธรรม เพราะอาศัยอย่างอื่นมาขัดเกลากิเลสไม่ได้เลย
ด้วยเหตุนี้ต้องเป็นผู้ที่ตรงจริงๆ ว่า ตราบใดที่ยังไม่ศึกษาธรรม ยังไม่เข้าใจธรรม ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา แม้แต่จะคิดหรือเข้าใจว่าตัวเองนับถือพระพุทธศาสนา แต่ถ้าถามว่า ศาสนาคืออะไร พุทธศาสนาสอนอะไร ก็ตอบไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าที่ไหนทั้งหมด ทั้งโลก ในโลก โลกอื่นไม่เกี่ยว เพราะว่าไม่มีใครรู้ ใครเห็น เทพทั้งหลาย สวรรค์ทั้งหลายก็มีเหมือนโลกนี้ เทพที่ไม่นับถือพระพุทธศาสนาก็มี เทพที่นับถือพระพุทธศาสนาก็มี จนถึงพรหมโลกจนถึงอรูปพรหมโลก ก็เช่นเดียวกัน
เพราะเหตุว่าสัตว์ทั้งหลายคือสิ่งที่มีชีวิต เกิดมาเพราะไม่รู้ เมื่อรู้แล้วไม่เกิด ปรินิพพาน แต่ว่าตราบใดที่ยังไม่รู้ ก็ยังต้องเป็นอย่างนี้ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่เคารพในพระรัตนตรัย ต้องศึกษาพระพุทธพจน์ ทั้งพระธรรม และพระวินัย เพราะว่าต้องรู้จุดประสงค์ด้วย ว่าพระธรรมเพื่อให้รู้ความจริง เพื่อขัดเกลากิเลส
กิเลสนี้มากมายมหาศาลระดับไหน แสนโกฏิกัปป์ที่ไม่รู้ ที่ติดข้อง ที่เข้าใจผิด ถ้าจะอุปมาทั้งจักรวาล รวมทั้งเขาสิเนรุ ความไม่รู้จะมากมายกว่านั้นไหม นานแสนนาน และจะนานต่อไปอีก เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีการที่ใครจะได้ฟัง เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว เป็นผู้ตรง ไม่ใช่รู้จักคนอื่น จะไปรู้จักจิตของคนอื่นได้อย่างไร ขณะนี้จิตของใคร กำลังเห็น หรือกำลังได้ยิน หรือกำลังคิดนึก ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย
เพราะเหตุว่าสภาพธรรมแสนเร็ว มีปัจจัยเกิด และดับ นี้คือการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งใครจะรู้อย่างนี้ได้ สภาพธรรมขณะนี้ สั้น เล็กน้อย สุดที่จะประมาณได้ ว่ามากมายกี่ขณะแล้วที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป แต่พระอรหันตสัมมาสัมเจ้าทรงตรัสรู้ จึงทรงแสดงความจริง ให้เริ่มรู้เริ่มเข้าใจความจริง ที่แต่ละหนึ่งจิตสะสมมา
เพราะฉะนั้นจึงมีความต่างกันของพุทธบริษัท คือสาวกที่ฟังพระธรรม ปัญญาไม่เป็นหญิง เป็นชาย ไม่เป็นเด็ก ไม่เป็นผู้ใหญ่ ปัญญาเป็นสภาพธรรมที่เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ถูกต้องตามความเป็นจริง แต่ว่าถ้าไม่มีการตรัสรู้ สิ่งที่เป็นจริงเกิดดับ เร็วสุดที่จะประมาณได้ ก็เหมือนมายากลที่ลวงให้เห็นผิด ว่ามีเรา มีคนมีสิ่งต่างๆ แม้แต่จะได้ยินคำว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาก็เข้าใจตื้นๆ ง่ายๆ ว่าบังคับไม่ได้ สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดแล้วก็ต้องตาย เป็นต้น
แต่การตรัสรู้ไม่ใช่รู้ความจริงที่เป็นคน เป็นสัตว์ แต่รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงเป็นธรรม เป็นธาตุแต่ละหนึ่ง ซึ่งหลากหลายมาก ประมาณไม่ได้เลย แม้เดี๋ยวนี้ขณะนี้ว่ามากแค่ไหน แต่ด้วยพระปัญญาคุณทรงแสดงความจริง โดยประเภทใหญ่ๆ ที่จะให้คนฟังค่อยๆ เข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีการฟังให้เข้าใจ สิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ผู้นั้นนับถือพระพุทธศาสนาหรือเปล่า