จะไม่ให้ติดข้องได้ไหม


    แม้จะมีความเข้าใจถูกขั้นการฟังธรรมว่า ความติดข้องเป็นธรรม ไม่ใช่เรา แต่เมื่อ ยังมีเหตุปัจจัยก็เกิดความติดข้องเป็นธรรมดา จึงเป็นเพียงการสะสมความรู้ให้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนกว่าจะรู้ความจริงว่า ไม่ว่าจะสิ่งที่เป็นที่รักที่ผูกพันมากแค่ไหน ก็จากกัน เท่านั้นเอง


    อ. วิชัย ยังมีบุตร ยังมีญาติ ยังมีพี่น้องต่างๆ เพราะฉะนั้นนั้นการที่จะเริ่มมีความเห็นตาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงแสดงถึงการที่มีสิ่งเหล่านั้นแล้วเป็นทุกข์นี้คืออย่างไรครับ

    ท่านอาจารย์ คือต้องเข้าใจว่าจริงหรือไม่ ก่อนอื่นสิ่งที่ได้ฟัง จริงหรือไม่ ก็ต้องเป็นความจริงเปลี่ยนไม่ได้ แล้วก็ยังติดข้องหรือไม่ ทั้งๆ ที่รู้ว่า ที่ได้ฟังนี้เป็นความจริง แล้วก็ยังคงมีความติดข้องหรือไม่

    อ. วิชัย ก็ยังมีอยู่

    ท่านอาจารย์ ต้องตรง เพราะฉะนั้นแสดงให้เห็นว่า กว่าจะรู้ความจริง ที่จะละความติดข้องเพราะรู้จริงๆ ไม่ใช่เพียงขั้นฟัง เพราะว่ากว่าจะได้เป็นการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระหว่างที่ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ได้ยินได้ฟังคำจริงจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ เมื่อได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าทีปังกร ก็ยังได้เฝ้า ได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ นานหลายพระองค์ แล้วก็กว่าจะรู้ว่าไม่ใช่เป็นเพียงคำที่ได้ฟัง แต่เมื่อจริงก็สามารถที่จะรู้ จนประจักษ์แจ้งได้ เพราะฉะนั้นแต่ละคนก็ได้ฟังคำนี้ แต่ว่าจนกว่าจะรู้แจ้งตามความเป็นจริงอย่างนี้ได้ ต้องอาศัยกาลเวลา เพราะเหตุว่าไม่รู้มานานแสนนาน เทียบกับที่ฟังวันนี้ไม่ได้เลย

    เพราะฉะนั้นกว่าที่จะค่อยๆ สะสมความเห็นถูก ก็รู้ว่าแม้ความติดข้องก็จริงแต่ไม่ใช่เรา แม้ความไม่พอใจ ความขุ่นเคืองใจ ก็จริง แต่ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นทั้งหมดตั้งแต่เกิดจนตาย เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เราเลย แล้วก็เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่ใช่ให้ไปทำอย่างอื่น เข้าใจจนกว่าจะประจักษ์แจ้ง เพราะเหตุว่าฟังอย่างนี้ แล้วไม่ให้ติดข้อง เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่เริ่มรู้ว่าความติดข้องมีจริง เกิดแล้วดับ ลืมว่าการที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ความจริงคือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิด ไม่มีใครไปบังคับบัญชา แต่เมื่อเกิดแล้วก็ดับไป

    ทุกคำที่ทรงแสดงไว้ สำหรับเพื่อเข้าใจ ฟังไว้ให้มั่นคง ว่าความจริงเป็นอย่างนี้ ก็แล้วแต่ว่าเป็นผู้ที่มั่นคงระดับไหน ระดับรู้ความจริงว่า ควรอย่างยิ่งที่จะรู้ เพราะว่าพระผู้มีพระภาคตรัสว่า สิ่งที่ควรรู้ยิ่ง ไม่ใช่สิ่งที่ไม่มี ตามีจริงไหม สิ่งที่ปรากฏให้เห็นมีจริงไหม เห็นมีจริงไหม เป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง นี้คือคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คนอื่นที่บอกว่า ทำไมต้องพูดเรื่องตา เรื่องเห็น เรื่องสิ่งที่ปรากฏธรรมดาๆ มองไม่เห็นประโยชน์ คือความไม่รู้ความจริง ก็ทำให้หลงเข้าใจผิด และก็มีความติดข้องในทุกอย่าง อย่างมั่นคงมาก ในความเป็นเรา และในความเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ตลอดไป เพราะว่าเป็นเหตุที่จะทำให้มีอีก มีอีกๆ เพราะไม่รู้ และความติดข้อง ไม่รู้จบ ดีไหม

    เกิดแล้วตาย ตายแน่ๆ ดีไหม ถ้าไม่เกิดก็ไม่ตาย แต่ว่าเกิดแล้วก็ต้องตาย ห้ามไม่ได้เลย ดีไหม เกิดแล้วไม่ติดข้องได้ไหม เกิดแล้วเพราะไม่รู้ และติดข้อง เมื่อเกิดมาแล้ว จะให้ไม่ติดข้องในสิ่งที่ปรากฏ ตั้งแต่เกิดจนตายนี้ ได้ไหม แต่รู้ความจริง ได้ไหม ว่าแท้ที่จริงแล้ว สิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามที่มี สิ่งนั้นมีเมื่อปรากฏแสนสั้น และก็ดับไป

    เกิดมาขณะแรกที่เกิด มีเพื่อนฝูง มีพ่อแม่ มีพี่น้อง มีทรัพย์สมบัติหรือไม่ ขณะแรกที่เกิด ไม่มีเลย จิตหนึ่งขณะเกิด และดับจะมีอะไร ยังไม่มีการเห็น ยังไม่มีการได้ยิน ยังไม่มีการจะไปจำได้ ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เสร็จแล้วก็เติบโตมาพร้อมทั้งความไม่รู้ และความติดข้อง มากมายมหาศาลไหม กว่าจะโตขึ้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นที่ผูกพัน ยินดี ติดข้อง เวลาที่ไม่ได้สิ่งนั้น หรือพลัดพรากจากสิ่งนั้น เป็นทุกข์ไหม จนกว่าจะรู้ความจริง ไม่ว่าสิ่งที่เป็นที่รัก จะเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นสิ่งของใดๆ ก็ตาม แล้วก็จากกัน เท่านั้นเอง อย่าลืมแล้วก็จากกัน เท่านั้นเอง จริงหรือไม่ ต้องฟังบ่อยๆ เพราะว่าลืม พอฟังแล้วก็ลืม เห็นก็เป็นเรา ได้ยินก็เป็นเรา คนนี้ก็เป็นญาติ คนนั้นก็เป็นเพื่อน ลืมสนิท ชั่วขณะที่ยังมีชีวิตเป็นคนนี้ แล้วก็จากกันแน่นอน เท่านั้นเอง


    หมายเลข 10509
    16 พ.ค. 2567