หน้าที่ของปัญญา
ปัญญาเท่านั้นที่จะทำหน้าที่เข้าใจความจริง ปัญญาสามารถนำไปในกิจทั้งปวง ที่ดีงามทั้งกาย วาจา ใจ ปัญญาสามารถสะสมอบรมจนมีกำลังเพิ่มขึ้น และ ละคลายกิเลสอกุศลได้
อ.ธิดารัตน์ จะค่อยๆ ละความไม่รู้ หรือ ขัดเกลาความไม่รู้ ก็ต้องเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาที่รู้ธรรมตามความเป็นจริง
ท่านอาจารย์ เพราะว่าอย่างอื่นดับกิเลสไม่ได้ ละคลายไม่ได้นอกจากปัญญาเป็นความเห็นที่ถูกต้องตามความเป็นจริง
อ.ธิดารัตน์ ถึงแม้ว่า ในขณะที่รู้ลักษณะของสภาพธรรมขณะนั้น ก็ยังไม่สามารถที่จะไปดับกิเลสจริงๆ ได้ แต่เพียงแต่ว่ากุศลที่เกิดขึ้นขณะนั้นเป็นไปในทางที่จะทำให้ดับกิเลสในอนาคต
ท่านอาจารย์ ปริยัติ ปฏิปัตติ ปฏิเวธ
อ.วิชัย ปัญญาจะเกิดขึ้น แล้วจะมีลักษณะอย่างไร และจะอบรมความรู้ความเข้าใจอย่างนั้นขึ้นอย่างไรครับ
ท่านอาจารย์ เดี๋ยวนี้เข้าใจไหมคะเดี๋ยวนี้
อ.วิชัย ก็เข้าใจขึ้นบ้าง
ท่านอาจารย์ นั่นแหละค่ะลักษณะของปัญหา ไม่ใช่ขณะอื่นเลย เข้าใจเมื่อไหร่ขณะนั้นก็เป็นปัญญาเป็นธรรมะที่ไม่ใช่เรา อยากเห็นหน้าตาปัญญาทำงานใช่ไหม ปัญญาหน้าตาเป็นอย่างไรไง ทำตอนไหน แต่ว่าจากการเข้าใจธรรมะ และก็สะสม และเราก็รู้ได้ว่ากิเลสก็ได้สะสมมา ปัญญาก็สะสมมา แล้วจะทำหน้าที่อย่างไรกัน แต่ให้ทราบว่าคนที่เริ่มรู้สึกตัวว่ามีกิเลสมาก รู้สึกตัวจริงๆ เข้าใจจริงๆ ว่า มาก ยาก ที่จะให้หมดได้ นี่เริ่มรู้ถูกต้องตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นเป็นคนดี หรือทำความดี เป็นหน้าที่ของปัญญาหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าปัญญาต้องมาเกิดขึ้นทำกิจรู้ในขณะนั้นนะคะ แม้ความเข้าใจที่มีแล้ว ก็สะสมนำไปในกิจทั้งปวง แม้แต่การที่จะรู้ว่า ขณะใดที่กุศลไม่เกิด ขณะนั้นอกุศลเกิด เพราะฉะนั้นที่ไม่เคยทำความดีเล็กๆ น้อยๆ เริ่มแล้วใช่ไหมคะ แม้แต่เราไม่ได้ทิ้งของ คนอื่นทิ้งก็เก็บไปทิ้งได้ ไม่ต้องคอยหรือเรียกให้เจ้าของมาเก็บไปทิ้งเอง
เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า เพราะรู้อย่างนี้ ปัญญานำไปในกิจทั้งปวง การที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งไม่เคยทำมาก่อนด้วย การที่จะเห็นใจคนอื่น เข้าใจคนอื่น ซึ่งแต่ก่อนนี้ถ้าเขาทำผิดก็ว่า แต่ว่าเขาไม่รู้ แล้วถ้าเราพูดกับเขาบอกเขาดีๆ นะคะ แทนที่จะเป็นโทสะ ก็เป็นเมตตา อะไรทำให้เป็นแบบนั้น ก็ต้องปัญญาที่มีความเข้าใจถูกในสภาพธรรมว่ากิเลสมากมาย แล้วก็เกิดขึ้นตามกิเลสไปทั้งวัน แต่เมื่อมีปัญญา และปัญญาก็ค่อยๆ นำไปในการที่จะมีกายที่ดี วาจาที่ดี และใจที่ดี แต่ไม่ต้องไปนั่งคิด ว่าปัญญาไปรู้อะไรตอนไหนอย่างไรเลยคะ กำลังเข้าใจนี่คือปัญญา แต่ว่ากำลังพยักหน้าก็เป็นกิเลสแล้ว เร็วอย่างนั้น ไม่ต้องไปคิดอะไรเลยนะคะ นอกจากว่าเข้าใจขึ้นๆ และสภาพธรรมะที่มีในชีวิตประจำวันก็ ให้เข้าใจขึ้น ว่าขณะได้ไม่ใช่เรา