รูปภายใน-รูปภายนอก
ความหมายของรูปที่เป็นภายใน เป็นภายนอก มีหลายนัย เช่น นัยว่ารูปที่เกิด ที่กายของผู้ใดก็เป็นภายในของผู้นั้น รูปที่เกิดที่กายของผู้อื่นก็เป็นภายนอก และนัยว่า แม้จะเป็นรูปที่กายนี้ รูป ๕ รูปนี้คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เท่านั้นเป็น ภายใน เพราะเกิดจากกรรม และสามารถกระทบ สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ซึ่งเป็นรูปภายนอกได้ ประโยชน์ที่ได้เข้าใจเรื่องนี้ก็เพื่อความเข้าใจถูก และ ละคลายความยึดถือในสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน
ท่านอาจารย์ จักขุปสาทรูป ภายในหรือภายนอก อะไรที่อยู่ภายในร่างกายเป็นภายใน เราไม่สามารถที่จะจัดอายตนะอย่างที่เราคิดได้เลย แต่ค่อยๆ ฟังว่า เมื่อเกิดมาแล้วมีรูปพิเศษคือสิ่งที่สามารถกระทบกับสิ่งที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย รูปที่เกิดที่กายเป็นภายในสำหรับแต่ละคน ทุกคนมีรูปภายใน แต่ถ้าจะกล่าวอีกนัยหนึ่ง คนสองคน คุณอรรณพเป็นภายนอกสำหรับผู้ที่ไม่ใช่คุณอรรณพ แต่สิ่งที่มีอยู่ที่คุณอรรณพเป็นภายใน
เพราะฉะนั้น ก็มีคำหลายคำที่แสดงให้เห็นว่า ภายนอกคือเราที่ยึดถือว่าเป็นเรากับคนอื่น อะไรเป็นภายใน และแม้แต่ภายในตัวคนหนึ่ง สิ่งที่มีอยู่ อะไรเป็นภายใน เพราะฉะนั้นขณะที่เห็น ตาเป็นภายใน สิ่งที่กระทบตาเป็นภายนอก ขณะที่ได้ยินเสียง โสตปสาทรูปเป็นภายใน และเสียงก็เป็นภายนอก คิดเองต่อไปได้หรือไม่ ถึง หู จมูก ลิ้นกาย ที่ห้องนี่มีหลายคน มีเราด้วยหรือเปล่าในห้องนี้ เพราะฉะนั้น เราเป็นหนึ่ง นอกจากนี้เป็นคนอื่นทั้งนั้นใช่ไหม เริ่มเข้าใจภายในกับภายนอก ว่าหมายความถึงภายในคือเรา เฉพาะเรา ไม่ไปก้าวก่ายเอาคนอื่นมาเป็นเราหรือของเราได้เลย
ตาของเราอยู่ที่ไหน อยู่ที่ตัวเรา ตาของคนอื่นอยู่ที่ไหน อยู่ที่ตัวคนอื่น เริ่มเข้าใจคำว่าภายใน ขณะที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ ต้องมีตาอยู่ไหน อยู่ที่เรา ภายในใช่ไหม และก็สิ่งที่กระทบตาอยู่ไหน อยู่ข้างนอก เพราะฉนั้นเริ่มเข้าใจภายใน ภายนอก พอที่จะเริ่มเข้าใจ แต่ความลึกซึ้งยังมีอีก รูปที่ตัวก็มีตั้งหลายรูป แต่เฉพาะ ๕ รูปนี้เท่านั้น ที่เป็นรูปภายใน ความละเอียดของธรรม ค่อยๆ ละเอียดขึ้นๆ ถ้าเราไม่คิดเอง เราค่อยๆ ฟัง เรากับเขา อะไรเป็นภายใน ภายนอก และแม้แต่ที่ตัวเรา ที่กำลังเห็น สิ่งที่เห็นอยู่ภายนอก เสียงก็ภายนอก แต่ตา หู อยู่ภายในที่ตัว เพราะฉะนั้นก็เริ่มเข้าใจความหมายของภายในภายนอก
แต่ความละเอียดยิ่งขึ้นก็คือว่า ที่ตัวไม่ได้มีเฉพาะตา หู จมูก ลิ้น กาย รูปอื่นก็มี แต่ว่าเฉพาะ ๕ รูปนี้เป็นภายใน ค่อยๆ ฟังค่อยๆ เข้าใจไตร่ตรอง ถ้าเวลาเข้าใจขึ้นก็รู้ว่าเข้าใจขึ้นเท่าที่ได้ฟัง ยังมีอีก เพราะเหตุใด และก็มีรูปต่างๆ ต่อไป ซึ่งไม่คิดเอง เพราะเหตุว่าไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงซึ่งคนอื่นไม่สามารถจะรู้ได้ และทรงแสดงความจริงให้เราได้ยินได้ฟัง ทั่วๆ ไปเท่าที่ปรากฏ ก็พอจะตอบได้ สิ่งที่เห็นอยู่ข้างนอก แต่ตาอยู่ที่ตัว เพราะฉะนั้นในระดับต้นก็สามารถที่จะเข้าใจได้ว่า ตัวเรานี่แหละภายใน และคนอื่นทั้งนั้นแหละภายนอก และแม้แต่ที่ตัวในขณะที่สภาพธรรมกำลังมีในขณะนี้ปรากฏก็ยังต้องรู้ความจริงว่า แม้สิ่งที่ปรากฏ สิ่งที่มี ก็ยังจำแนกเป็นภายใน และภายนอกได้ โดยการที่ว่าขณะใดที่เห็น ขณะนั้นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเป็นภายนอก ส่วนตา จักขุปสาทเป็นภายใน หู จมูก ลิ้น กาย ก็โดยนัยเดียวกัน
อ.อรรณพ ทั้งหมดเป็นรูปที่ไม่รู้อะไร แต่ท่านทรงจำแนกเป็นภายใน ภายนอก เพื่อประโยชน์อะไร
ท่านอาจารย์ เพื่อให้ละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา หรือเป็นของเรา ฟังธรรมทั้งหมด ต้องทราบว่าเพื่อให้เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง เพื่อไม่เข้าใจผิด ไม่ปฏิบัติผิด ไม่รู้ผิด เพราะเหตุว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา และก็แต่ละหนึ่งไม่ปะปนกันเลย
ด้วยเหตุนี้ คำถามมีว่า
อ.อรรณพ ในเมื่อเป็นรูปเหมือนกัน แต่พระองค์ท่านทรงจำแนกเป็นรูปภายใน รูปภายนอก จะเป็นประโยชน์อย่างไร
ท่านอาจารย์ มีใครรู้บ้างว่าตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นรูปที่เกิดเพราะกรรมเป็นสมุฎฐาน กรรมของใคร
อ.อรรณพ กรรมของแต่ละบุคคลที่ได้สะสมมา
ท่านอาจารย์ เพราะฉนั้น เป็นภายใน รูปนี้เป็นรูปที่เกิดเพราะกรรม และก็จะให้รูปนี้ไปเป็นของใครอื่นก็ไม่ได้ หรือจะให้รูปของคนอื่นมาเป็นของคนนี้ก็ไม่ได้ แล้วจริงๆ แล้วรูปที่กายทั้งหมดบางกลุ่มเกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัย บางรูปเกิดขึ้น เพราะจิตเป็นปัจจัย บางรูปเกิดขึ้นเพราะอุตุ ความเย็น ความร้อน เป็นปัจจัย บางรูปเกิดขึ้นเพราะอาหารเป็นปัจจัย แล้วรูปไหนจะเป็นภายใน
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ธรรมเป็นสิ่งที่ละเอียด แม้รูปมีปัจจัยให้เกิดขึ้น รูปก็เกิดดับอยู่ตลอดเวลา รูปที่เกิดเพราะกรรมเป็นสมุฎฐาน รูปนั้นเกิดแล้วดับ แต่กรรมนั่นแหละเป็นสมุฎฐานให้รูปนั้นเกิดอยู่เรื่อยๆ จะไปทำให้รูปอื่น ที่ไม่ใช่เกิดเพราะกรรมเกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นแต่ละกลุ่ม หรือ ภาษาบาลีใช้คำว่ากลาป เล็กที่สุดที่แตกย่อยออกไปไม่ได้ เพราะเหตุว่า ขณะนี้ก็มีอากาศธาตุแทรกอยู่ในทุกกลาป ทุกกลุ่มเล็กๆ ของรูปซึ่งกำลังเกิดดับ เพราะฉนั้นรูปใดที่เกิดเพราะกรรม รูปนั้นกรรมของตนที่ได้กระทำแล้วเป็นปัจจัยให้รูปนั้นเกิดขึ้น